วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
ศูนย์จีโนมฯเปิดงานวิจัยชี้มี 4 คนไทยใช้‘โมลนูพิราเวียร์’แล้วไวรัสกลายพันธุ์

ศูนย์จีโนมฯเปิดงานวิจัยชี้มี 4 คนไทยใช้‘โมลนูพิราเวียร์’แล้วไวรัสกลายพันธุ์

วันพฤหัสบดี ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 10.23 น.
Tag : โควิด โควิดวันนี้ โมลนูพิราเวียร์ วัคซีน ศูนย์จีโนม สายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน
  •  

ศูนย์จีโนมฯเปิดงานวิจัยชี้มี 4 คนไทยใช้‘โมลนูพิราเวียร์’แล้วไวรัสกลายพันธุ์

9 กุมภาพันธ์ 2566 เพจ Center for Medical Genomics หรือศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ภาพ พร้อมข้อความ ดังนี้...


ศูนย์จีโนมฯเริ่มติดตามการกลายพันธุ์รูปแบบจำเพาะบนจีโนมโควิด-19  อันเนื่องมาจากการใช้ยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) งานวิจัยจากสหราชอาณาจักรยืนยันพบในไทย 4 ราย

ยาโมลนูพิราเวียร์ (MoInupiravir) เป็นยาเม็ดชนิดรับประทาน ออกฤทธิ์ต้านไวรัส เดิมพัฒนาขึ้นเพื่อใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่

ต่อมาพบว่ายาโมลนูพิราเวียร์ สามารถออกฤทธิ์ต่อต้านไวรัสโคโรนาหลายชนิด เช่น โรคซาร์ส โรคเมอร์ส และเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19

หากให้ยาโมลนูพิราเวียร์ ในช่วงระยะต้นของการติดเชื้อ จะลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ลดอัตราการป่วยหนัก ลดความเสี่ยงการเข้ารักษาในโรงพยาบาลและลดการเสียชีวิตลงได้ประมาณร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ยา

ยาโมลนูพิราเวียร์ ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศไทยในปลายปี 2564 และในออสเตรเลียในต้นปี 2565

ตัวยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบโครงสร้างบางส่วนของอาร์เอ็นเอซึ่งเป็นสารพันธุกรรมในไวรัสโคโรนา-2019 ทำให้จีโนมของไวรัสเกิดการกลายพันธุ์แบบกระจัดกระจายจนไม่สามารถแบ่งตัวแพร่ระบาดใน(เซลล์)มนุษย์อีกต่อไปได้

แต่นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มกังวลว่าในผู้ป่วยบางรายการรักษาด้วยยาโมลนูพิราเวียร์อาจไม่สามารถกำจัดไวรัสโคโรนา-2019 ให้หมดไปจากร่างกายได้ภายใน 5 วัน อาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์อันเนื่องมาจากยาโมลนูพิราเวียร์ขึ้นได้

ดร. ธีโอ แซนเดอร์สัน จากสถาบันฟรานซิส คริก ลอนดอน และทีมวิจัยจากสหราชอาณาจักรได้โพสต์บทความบนเซิร์ฟเวอร์ของ “medRxiv” ในเดือนมกราคม 2566 (ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ) แสดงให้เห็นว่าจากการ "สแกน"  หรือตรวจกรองรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมกของโควิด-19 กว่า 13 ล้านตัวอย่างจากฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” ในปี 2565 ที่เป็นช่วงเวลาที่มีการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย พบรหัสพันธุกรรมของโควิด-19 จากหลายประเทศมีการกลายพันธุ์ในลักษณะที่จำเพาะที่บ่งชี้ว่าผู้ติดเชื้อได้รับประทานยาโมลนูพิราเวียร์ โดยพบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มเล็ก(small cluster) การกลายพันธุ์จำเพาะที่ว่าคือมีอัตรา G-เปลี่ยนเป็น-A และ C-เปลี่ยนเป็น-T (เบสกวานีนเปลี่ยนเป็นอะดีนีนและไซโตซีนเป็นยูราซิล) สูงขึ้นเทียบกับผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในการรักษา

การกลายพันธุ์ในลักษณะจำเพาะ (มีอัตรา G-to-A และ C-to-T สูงขึ้น) พบในประเทศที่มีการอนุญาตให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และไทย  สูงมากกว่าประเทศที่ไม่อนุมัติให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ เช่น ฝรั่งเศสและแคนาดา ถึง 100 เท่า และจากการติดตามวันที่และตำแหน่งสารกลายพันธุ์บนสายจีโนมพบว่าสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่จำเพาะบางส่วนกำลังแพร่กระจายในชุมชน

ตัวอย่างประเทศที่มีการอนุมัติให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์

• ออสเตรเลีย พบการกลายพันธุ์จำเพาะ (อันคาดว่าเกิดจากการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์) 97 ราย จากตัวอย่าง(ที่อัปโหลดไว้บนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID”) ทั้งสิ้น 119,194 ราย

• สหรัฐอเมริกา พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 60  ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 1,911,997 ราย

• สหราชอาณาจักร พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 23 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 1,218,724 ราย

• ญี่ปุ่น พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 20 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 321,520 ราย

• เยอรมนี พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 10 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 503,014 ราย

• อิสราเอล พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 9ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 107,477 ราย

• ไทย พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 4 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 21,459ราย

                       ฯลฯ

ประเทศที่ไม่อนุมัติให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์

• แคนาดา พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 1 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 206,718 ราย

• ฟินแลนด์ พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 0  ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 17,978 ราย

• ฝรั่งเศส พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 0 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 313,680 ราย

                        ฯลฯ

เชื้อโควิดกลายพันธุ์จำเพาะยังตรวจพบมากในผู้สูงอายุซึ่งมีแนวโน้มที่จะรับประทานโมลนูพิราเวียร์มากกว่าคนหนุ่มสาวและคนวัยกลางคน  และในออสเตรเลียซึ่งมีโมลนูพิราเวียร์ไว้ใช้ในบ้านพักคนชราพบไวรัสกลายพันธุ์จำเพาะถึง 25 ตำแหน่งโดยพบการแพร่ติดเชื้อในกลุ่มคนอย่างน้อย 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุอยู่ในวัย 80 และ 90 ปี

สรุปได้ว่าการรักษาด้วยโมลนูพิราเวียร์ทำให้ไวรัสเกิดกลายพันธุ์ไปอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่จีโนมจะเสียหายไม่สามารถระบาดสืบทอดลูกหลานต่อไปได้ แต่ยังมีส่วนน้อยที่แม้จีโนมมีการกลายพันธุ์ไปมากแต่ยังสามารถแพร่ระบาดได้ในวงจำกัด ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าโควิด-19 กลายพันธุ์จากยา โมลนูพิราเวียร์จะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันหรือมีการติดเชื้อรุนแรงหรือไม่  หรือเป็นเพียงไวรัสที่อ่อนแอ(จากการกลายพันธุ์ไปมาก)และสูญสลายไปในที่สุด

ข้อควรระวัง

ผู้วิจัยใช้การสันนิษฐานว่าการกลายพันธุ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยโมลนูพิราเวียร์ แต่ข้อมูลจากฐานข้อมูลโควิดโลก "GISAID" ส่วนหนึ่งไม่มีข้อมูลว่าผู้ติดเชื้อโควิดรักษาด้วยยาต้านไวรัสหรือไม่ และเป็นประเภทใด

โอมิครอนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมามีการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติเกิดเป็นสายพันธุ์ย่อยมากมาย (omicron soup) ในผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้รับยาต้านไวรัสด้วยเช่นกัน

-005

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • อย่าตระหนก! ‘หมอมนูญ’เตือนสติ‘โควิด’ยุคใหม่อันตรายลดลง ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน อย่าตระหนก! ‘หมอมนูญ’เตือนสติ‘โควิด’ยุคใหม่อันตรายลดลง ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน
  • โควิด 19 กำลังระบาดอย่างมาก จะต้องฉีดวัคซีนหรือไม่? \'หมอยง\'มีคำตอบ! โควิด 19 กำลังระบาดอย่างมาก จะต้องฉีดวัคซีนหรือไม่? 'หมอยง'มีคำตอบ!
  • ‘หมอมนูญ’เผยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ‘โควิด’ ลดลง ‘ไข้หวัดใหญ่’ เพิ่มขึ้น ‘หมอมนูญ’เผยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ‘โควิด’ ลดลง ‘ไข้หวัดใหญ่’ เพิ่มขึ้น
  • ถอดบทเรียนปี67! ศูนย์จีโนมฯฟันเปรี้ยง‘โรคอุบัติใหม่’ระบาดแน่ เปิดแนวทางรับมือ ถอดบทเรียนปี67! ศูนย์จีโนมฯฟันเปรี้ยง‘โรคอุบัติใหม่’ระบาดแน่ เปิดแนวทางรับมือ
  • \'หมอธีระวัฒน์\' เปิดรายงาน โรคคล้ายวัวบ้า ในมนุษย์ หลังจากติดโควิดหรือได้รับวัคซีน 'หมอธีระวัฒน์' เปิดรายงาน โรคคล้ายวัวบ้า ในมนุษย์ หลังจากติดโควิดหรือได้รับวัคซีน
  • ข่าวร้าย!‘โมเดอร์นา’ระงับการพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อ RSV ในเด็กเล็ก ข่าวร้าย!‘โมเดอร์นา’ระงับการพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อ RSV ในเด็กเล็ก
  •  

Breaking News

(คลิป) ไม่สลด! 'อิ๊งค์' โพสต์เพลง 'ทำด้วยใจ' ดึงคำพูดแม่ทัพภาค2 เป็นเกราะกำบัง

คปท.นัดมวลชนไล่นายกฯ เซ่นปมคลิปเสียงคุยฮุนเซน พร้อมเรียกร้องพรรคร่วมลาออก

จับบริษัทปลอมบัตรฯลวงเหยื่อให้สิทธิพิเศษ

'ชาบี-เทรนท์'ประเดิม! ชุดขาวแค่เจ๊าสโมสรโลก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved