ฮือฮา! โคราชค้นพบฟอสซิลปลาพันธุ์ใหม่อายุ 115 ล้านปีของโลก ในแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ พร้อมเปิดงานมหกรรมจีโอพาร์คและฟอสซิล 2023 เฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่สู่การรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
วันนี้ (8 มิ.ย.66) ที่ห้องโคราชฮอล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซนทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกสภามหาสิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.อรนุช หล่อเพ็ญศรีอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี รองศาสตราจารย์ ดร.มงคล อุดชาชน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยามหาวิทยาลัยมหาสารคาม , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานรรต ใจสำราญ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการสภามหาวิทยาลัย กิจการพิเศษ และวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฏฐินี ทองดี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุทุมพร ดีศรี อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ Assistant Professor Dr. Paul Joseph Grote นักวิจัย สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
ร่วมกันเปิดงาน "มหกรรมจีโอพาร์คและฟอสซิล" (Geopark and Fossil Festival 2023) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระสำคัญของจังหวัดนครราชสีมาที่ได้รับการพิจารณาเป็นจีโอพาร์คโลก Khorat Global Geopark จากองค์กรยูเนสโก เป็นการยกระดับการทำงานเครือข่ายของอุทยานธรณีประเทศไทย การแลกเปลี่ยนความรู้ด้านจีโอพาร์คและการท่องเที่ยว Geotourism ตลอดจนการประชาสัมพันธ์จีโอพาร์คประเทศไทย พร้อมทั้งพัฒนากลไก การขับเคลื่อนอุทยานธรณีในประเทศไทยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงภูมิศาสตร์ ในจังหวัดนครราชสีมาและภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8 – 10 มิ.ย.66
โดยมีกิจกรรมประกอบด้วยการประชุมทางวิชาการเครือข่ายอุทยานธรณีประเทศไทย ครั้งที่ 2 ซึ่งได้รับความสนใจตอบรับร่วมงานจากนักวิจัยทั่วโลกเพื่อนำเสนอผลงานวิชาการ งานวิจัย มากถึง 82 ผลงานวิชาการ เป็นการนำเสนอรูปแบบ Oral Presentation จำนวน 52 ผลงาน และนำเสนอแบบ Poster จำนวน 30 ผลงาน, โดยในมหกรรมจีโอพาร์คและฟอสซิล 2023 มีนิทรรศการ และการแสดงสินค้าชุมชน, นิทรรศการภาคีเครือข่ายจีโอพาร์คประเทศไทย, งานสถาปนาสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา, การเสวนาพิเศษ เยาวชนกับการสร้างสรรค์ในพื้นที่จีโอพาร์ค,
เสวนาพิเศษ การสร้างสรรค์พิพิธภัณฑ์ฟอสซิลเพื่อการเรียนรู้สาหรับเด็ก, เสวนาพิเศษ สร้างสรรค์งานคราฟท์จากอัตลักษณ์งานคราฟท์ เสวนาพิเศษ การสร้างสรรค์อาหารจีโอพาร์ค จากอัตลักษณ์ท้องถิ่น การประกวดการแต่งกาย เชิงสร้างสรรค์ ด้วยแนวคิดจีโอพาร์คและฟอสซิล, การแข่งขัน สร้างของเล่น...จนเป็นเรื่อง จากฟอสซิลดินแดนอีสาน , การแข่งขันสุดยอดอาหารจากดินแดนจีโอพาร์คและพื้นที่การอนุรักษ์ทางธรรมชาติ, การแข่งขันสุดยอดไอเดียผลิตภัณฑ์ชุมชนจีโอพาร์คโกกรีน, และปิดท้ายด้วยการแข่งขันตอบคำถาม TOP FAN : Khorat Fossil และ TOP FAN : Thailand Geopark” ระดับมัธยมศึกษา
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันเปิดการแถลงข่าว การค้นพบฟอสซิล ปลาพันธุ์ใหม่ของโลกอายุ 115 ล้านปี "โคราชเอเมีย ภัทราชันไน" และพันธุ์พืชโบราณชนิดใหม่ของโลก 3 ชนิดในแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ ที่บ้านโกรกเดือนห้า ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินฯ ตำบลสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมา ซึ่งการวิจัยดำเนินการโดย ผศ.ดร.อุทุมพร ดีศรี จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับนักวิจัยจากสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ, พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟูกุอิ ประเทศญี่ปุ่น, มหาวิทยาลัยเจนีวา และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติกรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
การค้นพบครั้งนี้มีผลการวิจัยว่า ฟอสซิลปลาดังกล่าว เป็นปลากระดูกแข็งก้านครีบอ่อน คล้ายสกุลเอเมีย (Amia) แต่เป็นสกุลใหม่และชนิดใหม่ของโลก คณะผู้วิจัยจึงได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “ปลาภัทราชัน” หรือชื่อวิทยาศาสตร์ โคราชเอเมีย ภัทราชันไน (Khoratamia phattharajani)
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 ที่เป็นกษัตริย์ ผู้ทรงเชี่ยวชาญเรื่องปลาและรักปลา รวมทั้งมีสายพระเนตรยาวไกล เช่น การทรงขอพันธุ์ปลานิลจากสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. 2508 จำนวน 50 ตัว มาขยายพันธุ์ในพระราชวังนับหมื่นตัว และมอบให้กรมประมงนำไปขยายพันธุ์ต่อ แจกจ่ายให้ประชาชนทั่วประเทศนำไปเลี้ยงเพื่อการขายและบริโภคจนสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนโปรตีนของประชาชนไทยได้ทั้งนี้คำว่า“ภัทราชัน” มาจากคำว่า “ภัทร+ราชัน” อันหมายถึง “พระภัทรมหาราช” ที่ประชาชนถวายพระราชสมัญญานามแด่รัชกาลที่ 9
อีกทั้งนักวิจัยของสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ได้แก่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พอล.เจ.โกรดิ และคณะ ยังได้วิจัยพบพืชพันธุ์ใหม่ของโลกอีก 3 ชนิด ได้แก่ มะพอกโคราช หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Parinari khoratensis โดยชื่อชนิด “khoratensis” มาจากจังหวัดนครราชสีมาที่เป็นแหล่งค้นพบซากดึกดำบรรพ์
ส่วนมะพอกของฮิลล์ หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Parinari hilliana โดยชื่อชนิด “hilliana”ตั้งเพื่อเป็นเกียรติให้กับ Arthur Hill ซึ่งเป็นนักพฤกษศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องผล ซากดึกดำบรรพ์ทั้ง 2 ชนิดนี้พบในสมัยไมโอซีนตอนปลาย แหล่งบ่อทรายพระพุทธ ตำบลพระพุทธ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา
การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ทั้งสองชนิดนี้เป็นการค้นพบผลมะพอก สกุล Parinari เป็นครั้งแรกของเอเชียและคาบสมุทรแปซิฟิก รวมถึงแสดงให้เห็นว่าพืชสกุลนี้ปรากฎในเขตร้อนในสมัยไมโอซีน ก่อนหน้านี้มีการค้นพบแล้วในสมัยไมโอซีนที่แอฟริกา (เขตเอธิโอเปีย) และปานามา (เขตนีโอโทรปิก) โดยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Acta Palaeobotanica เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2565 และชนิดที่สาม คือ สนห้าใบหนองหญ้าปล้อง หรือ Pinus nongyaplongensis โดยชื่อชนิด “nongyaplongensis” มาจากแอ่งหนองหญ้าปล้องที่เป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์ ซึ่งอยู่ในสมัยโอลิโกซีนตอนปลาย หรือไมโอซีนตอนต้น แหล่งเหมืองสแกงาม แอ่งหนองหญ้าปล้อง อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี ซากดึกดำบรรพ์ดังกล่าวเป็นการค้นพบสนห้าใบครั้งแรกของประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พอล.เจ.โกรดิ ร่วมกับ นายพลาเดช ศรีสุข ดำเนินการวิจัยและได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Review of Palaeobotany and Palynology เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี