18 สิงหาคม 66 เฟซบุ๊ก ที่ทำการปกครองอำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า ได้รับการประสานจาก อบต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ให้สืบค้นข้อมูลของ นางสาวจันดี สำเพา ที่ออกจากพื้นที่ไปตั้งแต่อายุ 17 ปี เพื่อไปทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วได้พบรักกับสามีที่ จ.นราธิวาส ไม่มีเอกสารหลักฐานในการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน ไม่สามารถติดต่อญาติพี่น้องได้ จนได้รับการช่วยเหลือจาก นายก อบต.ศรีบรรพต และเจ้าหน้าที่ โดยได้ประสานมายังสำนักทะเบียนท้องถิ่นอำเภอกันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เพื่อสืบค้นข้อมูลในฐานข้อมูล และข้อมูลบุคคล เพื่อยืนยันตัวตน และเตรียมการสอบข้อเท็จจริงไว้ก่อนที่ที่คุณยายจะมาถึง จากนั้นจึงได้ดำเนินการเพิ่มเติมด้วยการถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรกในวัย 80 ปี
โดยนางนุชิดา ทับศรี ปลัดอำเภอหัวหน้างานบริหารงานปกครอง อำเภอกันทรวิชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจาก นางสาวจันดี สำเพาเป็นราษฏรอำเภอกันทรวิชัย ย้อนกลับไปเมื่อ 60 กว่าปีก่อน สมัยนั้นจะทำบัตรประชาชนตอนอายุ 17 ปี นางสาวจันดี ก็มาทำบัตรประชาชน สมัยนั้นจะเป็นบัตรเหลืองคือบัตรที่ใช้แทนบัตรประชาชนตัวจริง แล้วนางสาวจันดี ก็เข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ระหว่างนั้นก็มีสามี และเดินทางไปที่ จ.นราธิวาส ซึ่งก็ไม่เคยมีบัตรประชาชนเลย และเมื่อไม่นานมานี้ ทาง อบต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ได้สำรวจผู้ยากไร้ผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้การช่วยเหลือ ก็มาพบคุณยายที่บ้านไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ทาง อบต. ก็ไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ เพราะนางสาวจันดี ไม่มีบัตรประชาชน จึงได้สอบถามคุณยายว่าพื้นเพอยู่ที่ไหน พอทราบว่าอยู่อำเภอกันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดต่อมาที่ สำนักทะเบียนท้องถิ่นอำเภอกันทรวิชัย ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการสืบค้นข้อมูลระยะหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างใช้เวลาเพราะชื่อหมู่บ้านก็เปลี่ยน ตำบลก็เปลี่ยน ได้สอบถามผู้ใหญ่บ้าน 3 หมู่บ้าน จนมาทราบว่านลางสาวจัดี มีทะเบียนบ้านอยู่ที่บ้านดอนเวียงจันทร์ สอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ และอดีตผู้ใหญ่บ้าน ก็รู้จักกับนางสาวจันดี ทางอำเภอก็ได้สอบข้อเท็จจริงจนได้บัตรประชาชนในที่สุด ซึ่งก็ต้องขอชื่นชม ท่านนายก อบต.ศรีบรรพต และคณะเจ้าหน้าที่ ที่ได้ใช้ทุนส่วนตัวนำนางสาวจันดี เดินทางจากจังหวัดนราธิวาส มาที่จังหวัดมหาสารคาม ระยะทาง 1,700 กิโลเมตร (เฉพาะขามาเพียงขาเดียว) เพื่อที่มาขอให้ทำบัตรประชาชนใช้ระยะเวลาเดินทางถึง 3 วัน
นางสาวจันดี เล่าว่า ตนเองเคยทำบัตรเหลืองเมื่อตอนอายุ 17 ปี แต่ยังไม่เคยได้บัตรจริงสักที ออกจากบ้านที่ จ.มหาสารคาม ไปเป็นแม่บ้านที่กรุงเทพฯ เมื่ออายุ 23 ปี อยู่กรุงเทพฯ ได้ 4-5 ปี ก็ขึ้นรถไปทำงานที่หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นก็ได้แฟนเป็นคน จ.นราธิวาส ก่อนที่ไปปักหลักอยู่กินกันที่บ้านไอร์ตุย หมู่ 1 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ตลอดระยะเวลาที่อยู่ก็ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ค่อยเจ็บป่วย ไปอยู่บนเขา หากจะมาตลาด ก็ต้องเดินเท้ากว่า 3 กิโลเมตรมาซื้อของ ซึ่งตอนนี้สามีก็เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งที่บ้านไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา พอทาง อบต.ศรีบรรพต มาสำรวจผู้ด้อยโอกาสก็ปรากฏว่าไม่มีบัตรประชาชน ทาง อบต.ศรีบรรพต จึงประสานและพามาที่ จ.มหาสารคาม ต้องขอขอบคุณทั้ง นายก อบต. , ส.ส.ในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่พามาได้เจอญาติพี่น้องที่ไม่ได้เจอกัน เกือบ 60 ปี
ด้านนางน้อย แพงจันทร์ อายุ 72 ปี น้องสาวยายจันดี กล่าวว่า ตอนนั้นยังเด็กจำไม่ค่อยได้แล้ว จำได้แต่ว่าพี่สาวไปทำงานกรุงเทพฯ พี่สาวส่งเงินมาให้เดือนละ 150 บาท เพราะแม่บอกว่าแม่จะไปไปรษณีย์ ไปเบิกเงิน พี่สาวเคยเขียนจดหมายมาหาจ่าหน้าซองที่อยู่หาดใหญ่ บอกว่าจะกลับบ้านตอนสงกรานต์ จากนั้นก็ไม่เคยได้ข่าวอีกเลย จนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตนฝันว่าพี่สาวกำลังหนีออกจากบ้านของนายจ้างแล้วปีนกำแพง และถูกเจ้าของบ้านยิงตายก็เลยคิดไปเองว่าพี่สาวตายแล้ว ชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก เวลาไปวัดในวันพระก็ไปทำบุญกรวดน้ำ เรียกพี่สาวให้มากินมาทานตลอดไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้กลับมาเจอกันอีก
ขณะที่นายธวัชชัย เหล่าสมบัติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านดอนเวียงจันทร์ ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเห็นรายชื่อของนางสาวจันดี ในรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาตลอดระยะเวลา 11 ปี ที่ตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็ไม่เคยเห็นตัวคนสักครั้ง พอทางปลัดอำเภอกันทรวิชัย โทรศัพท์มาสอบถามหาบุคคลก็คุ้นๆ จึงได้มาดูบ้านเลขที่ และรายชื่อที่ทำการบันทึกไว้ ก็พบว่ามีจริงๆ จึงได้แจ้งให้กับทางอำเภอฯ ได้ทราบ ซึ่งตลอดระยะเวลา 47 ปี ตั้งแต่เกิดมาตนก็ยังไม่เคยเห็นหน้านางสาวจันดีเลย จึงได้ออกตามหาและมาสอบถามจนทราบว่านางสาวจันดี เป็นพี่สาวของยายน้อยจริงๆ ก็ยินดีกับทั้งสองคนที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบ 57 ปี .-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี