วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
สกู๊ปแนวหน้า : ทางออกแก้ปัญหาประชากรลด  หยุดตีตราครอบครัวไม่สมบูรณ์

สกู๊ปแนวหน้า : ทางออกแก้ปัญหาประชากรลด หยุดตีตราครอบครัวไม่สมบูรณ์

วันเสาร์ ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : สกู๊ปแนวหน้า
  •  

ในการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 17 “ประชากรและสังคม 2566 : หลากมิติ ในหนึ่งชั่วชีวิต” เมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีของ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ศ.(เกียรติคุณ) ดร.อภิชาติจำรัสฤทธิรงค์ ที่ปรึกษาอาวุโสของสถาบันฯ บรรยายเรื่อง “เส้นทางชีวิตครอบครัวที่พลาด กับการเลี้ยงดูบุตรหลาน” เริ่มจากการอธิบายนิยามของ “ครอบครัวที่พลาด” เช่น พ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยใช้ข้อมูลจากโครงการ “Thai Family Matters (ครอบครัวสำคัญ)” ของประเทศไทย ที่เคยรวบรวมไว้เมื่อ 5 ปีก่อน

ข้อมูลนี้เป็นการจับคู่ผู้ปกครองกับบุตรหลานซึ่งอยู่ในช่วง “วัยรุ่นตอนต้น” อายุ 12-14 ปี อันเป็นช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ของชีวิต จำนวน 372 ครอบครัว จาก 4 จังหวัดใน 4 ภาค มีทั้ง “ครอบครัวสมบูรณ์” (มีทั้งพ่อและแม่) และ “ครอบครัวไม่สมบูรณ์” (ม่าย/หย่าร้าง/แยกทาง) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพื่อศึกษาเรื่องการดูแลอบรมบุตรหลานของครอบครัว 2 ประเภทว่าแตกต่างกันอย่างไร


“ข้อค้นพบ 1.บุตรหลานวัยรุ่นตอนต้นต้องการความเอาใจใส่เลี้ยงดูจากพ่อแม่ผู้ปกครองมากกว่าที่ผู้ปกครองคิด ผู้ปกครองอาจจะตอบไปอย่างหนึ่ง แต่เด็กๆ วัย 12-14 เขาจะหวังความต้องการจากพ่อแม่มาก ถ้าหลังจากนั้นเขาจะลดลง ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ในเส้นทางที่ต้องการพ่อแม่ผู้ปกครองมาดูแลเขา 2.ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวกลับเอาใจใส่เลี้ยงดูบุตรหลานได้ดีกว่าครอบครัวสมบูรณ์ การที่จะไปตีตราครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็เป็นค่านิยมเดิมจากสังคมชะลอการเกิดที่มันผ่านมา 40-50 ปี” อาจารย์อภิชาติ กล่าว

เมื่อดูข้อมูล 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.การให้คำปรึกษาหลักการดำเนินชีวิต แบ่งเป็น 3 ด้านย่อย “การให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตกับลูก” พบว่า กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ ทำอย่างสม่ำเสมอ ร้อยละ 52 สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 34.3 “การสนับสนุนเป้าหมายของลูก” เช่น ลูกโตแล้วอยากเป็นอะไรก็พยายามส่งเสริม กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 36 สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 35.1 และ “การพูดคุยเรื่องความเชื่อในครอบครัว” เช่น ศาสนา-จิตวิญญาณ กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 38 สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 28.7

2.การใช้เวลาร่วมกัน แบ่งเป็น 2 ด้านย่อย “การมีกิจกรรมร่วมกัน” กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 42สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 40.8 กับ “การจัดสรรเวลาร่วมกัน” กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 60 สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 58.1 โดยสรุปแล้วในด้านการใช้เวลาร่วมกันจะไม่ค่อยพบความแตกต่างระหว่างครอบครัว 2 กลุ่มนี้มากนัก

3.การกำกับดูแลปัจจัยเสี่ยง แบ่งเป็น 4 ด้านย่อย “การคบเพื่อน” กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 54 สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 39.2 “เหล้า/บุหรี่/ยาเสพติด” กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 54สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 39.6 “การมีแฟน” กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 32 สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 25.7 และ “ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์” กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 30 สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 24.2 ซึ่งอาจเป็นเพราะประสบการณ์เดิมของพ่อแม่ผู้ปกครองเอง จึงให้ความสำคัญกับเรื่องปัจจัยเสี่ยงของบุตรหลานมากเป็นพิเศษ

และ 4.ทักษะความรู้เท่าทันด้านการเงิน (Financial Literacy) ก็เป็นอีกเรื่องที่กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษในการอบรมสั่งสอนบุตรหลาน เห็นได้จาก 2 ด้านย่อย “การประหยัด” กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 72 สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 56.2 กับ “รายรับ-รายจ่ายของครอบครัวและแหล่งทุน” กลุ่มครอบครัวไม่สมบูรณ์ อยู่ที่ร้อยละ 44 สูงกว่าครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 33.6

“ทำไมครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวถึงได้ฟื้นตัวได้ดี มันก็มีแนวคิด Resilience (ความยืดหยุ่น) ทางจิตวิทยาและชีววิทยา เขาก็บอกไว้ว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เมื่อตกต่ำลงไป เหมือนลูกฟุตบอลหรือลูกกอล์ฟที่ตกลงไปบนพื้นยิ่งพื้นแข็งเท่าไรมันยิ่งจะกระเด้งขึ้นมาได้มาก สะท้อนออกมาได้เมื่อมีการตกต่ำ ธรรมชาติมนุษย์ทุกช่วงเวลาตกต่ำลงแล้วจะต้องขึ้น ไม่มีใครขึ้นอยู่ข้างบนตลอด มันจะต้องมีการขึ้น-ลง เพราะฉะนั้นก็เป็นธรรมชาติ หรือทางชีววิทยาก็บอกว่ามันอยู่ในยีน (Gene) ด้วยซ้ำไปว่าคนเราพอตกแล้วต้องสู้” อาจารย์อภิชาติ อธิบาย

การที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์สามารถฟื้นตัวได้ดีจากสถานการณ์อันยากลำบาก ยังมีคำอธิบายอื่นๆ เช่น “ทฤษฎีระบบนิเวศสังคม (Social Ecologocal System Theory)” หมายถึงมีความพยายามยื่นมือเข้ามาช่วยให้คนที่ก้าวพลาดได้กลับคืนสู่สังคมได้ “ทฤษฎีหลักสูตรชีวิต (Life-course Theory)” หมายถึงคนเรามีช่วงเวลาที่ก้าวพลาดหรือหลงทาง แต่เมื่อรู้เช่นนั้นแล้วก็จะพยายามหาทางกลับออกมาให้ได้ “การเลือกเป็นกรณี (Case Selectivity)” หมายถึงผู้ปกครองในครอบครัวที่ไม่สมบุรณ์อาจมี “จิตใจนักสู้” ติดตัวมาตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้ จึงกล้าที่จะตัดสินใจพาตนเองออกจากชีวิตคู่ที่มีปัญหาแล้วกลายมาเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นต้น

ถึงกระนั้น อาจารย์อภิชาติ ก็ย้ำถึงข้อจำกัดของงานวิจัยดังกล่าว ได้แก่ 1.เป็นการศึกษาข้อมูลแบบตัดขวาง ไม่ใช่การศึกษาแบบต่อเนื่อง 2.กลุ่มตัวอย่างในการศึกษายังมีน้อย หากมีมากกว่านี้จะสามารถศึกษาแบบแยกย่อยได้ละเอียดขึ้น เช่น แบ่งระหว่างพ่อเลี้ยงเดี่ยวกับแม่เลี้ยงเดี่ยวเพื่อพิสูจน์คำถามที่ว่าผู้หญิงจะเก่งกว่าผู้ชายในการเลี้ยงลูกหรือไม่? หรือสถานภาพสมรสของผู้ปกครองหากมีกลุ่มตัวอย่างมากพอให้แยกเป็นกลุ่มย่อยม่าย-หย่า-แยกกันอยู่ก็อาจพบความแตกต่างของ 3 กลุ่มนี้ในการเลี้ยงดูบุตรหลานด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งการเป็นพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวระหว่างความสมัครใจกับภาระจำยอม ก็อาจพบความแตกต่างได้อีก

3.เป็นคำถามแบบอัตวิสัย เช่น คำถามว่าเลี้ยงลูกมากหรือไม่? เลี้ยงลูกดีหรือไม่? ผู้ตอบอาจตอบเข้าข้างตนเองก็ได้ และ 4.ยังไม่มีข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคมมาเป็นตัวแปรควบคุม เพราะหากทำได้จะตอบคำถามได้อีกหลายเรื่อง เช่น Social Ecologocal System Theory การมีเครือข่ายคุ้มครองทางสังคมที่ดีทำให้ผู้ที่ก้าวพลาดกลับมาตั้งหลักและเดินต่อได้จริงหรือไม่? หรือความยืดหยุ่นที่เกิดจากปัจจัยด้านจิตวิทยามีอยู่จริงหรือไม่? เป็นต้น

อาจารย์อภิชาติ ยังเล่าด้วยว่า มีโอกาสได้ทดลองใช้ “ChatGPT” แชทบอทปัญญาประดิษฐ์ (AI) อัจฉริยะที่ถูกพูดถึงมากในปัจจุบัน โดยการเข้าไปตั้งคำถามว่า “เหตุใด
สังคมทุกวันนี้จึงยังมีอคติหรือการตีตราพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว?อันเป็นวิธีคิดที่ตกทอดมาจากยุคสังคมชะลอการเกิดตั้งแต่เมื่อ 40-50 ปีก่อน” ซึ่งเจ้า AI สุดล้ำก็ได้ตอบกลับมาแบบสั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความว่า “เพราะการเปลี่ยนผ่านยังไม่สมบูรณ์” หมายถึงปัจจุบันสังคมกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการเปลี่ยนผ่าน

“เรายังมีการ Stigma (ตีตรา) เรื่องการเลี้ยงลูก การเกิด บางทีเดี๋ยวนี้มันมีรูปแบบของครอบครัวต่างๆ กันมากมาย คนโสดก็อาจจะไป Adopt (รับบุตรบุญธรรม) มาเลี้ยงเองก็ได้ หรือคนอายุ 40-50 อยากมีลูกก็ไป Adopt มาได้ไหม? ซึ่งสังคมจะมีรูปแบบนี้มากมาย แต่เรายังตามไม่ทัน ยังมี Stigma อยู่แบบนี้ มันก็แปลว่าเรายังไปสู่สังคมการเกิดได้ยังไม่สมบูรณ์ ทั้งๆ ที่ปัญหาประชากรมันรุนแรงมากๆ เลยในสังคมไทย

อีก 70 กว่าปีเราจะมีประชากรเหลือเพียงครึ่งเดียว รุนแรงรองจากญี่ปุ่น แล้วหลังจากนั้นก็จะลดลงไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่แก้ไขทั้ง Immigration Policy (นโยบายคนเข้าเมือง)กับ Pro-Natal Policy (นโยบายสนับสนุนการเกิด) ผมใช้คำว่า Massive Immigration ต้องเอาเข้ามามากๆ และ Pro-Natal Policy ไม่เวิร์ก ต้องดิสรัป ที่เราทำกันมันแค่ Pro-Natal Policy แต่จริงๆ มันต้องระดับDisruptive ต้องแก้ไขทัศนคติอะไรต่างๆ มากมาย” อาจารย์อภิชาติ กล่าว

ในตอนท้ายของการบรรยาย อาจารย์อภิชาติ ยกคำกล่าวของ ปีเตอร์ แมคโดนัลด์ (Peter McDonald)นักประชากรศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่แนะนำว่า การนำเข้าประชากรจากต่างชาติ (Immigration) ต้องอยู่ที่ 4 แสนคนต่อปี และอัตราการเกิดต้องเพิ่มจาก 1.1-1.2 ให้เป็น 1.7 ภายใน 20 ปี เพื่อรักษาระดับประชากรไว้ให้คงอยู่แบบพอสมควร ดังนั้น อคติหรือการตีตราทั้งต่อการย้ายเข้ามาของชาวต่างชาติ หรือต่อรูปแบบครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวตลอดจนครอบครัวบุญธรรม ยังสมควรให้เป็นไปแบบนี้อีกหรือไม่?

เช่นเดียวกับ “การทำแท้ง” ที่ภาครัฐต้องกลับมาทบทวนความพร้อมในการดูแลเด็กที่เกิดมาทุกคน เพื่อจูงใจให้ผู้หญิงเลือกตัดสินใจได้ถูกต้อง เช่น หากให้เด็กได้เกิดมาแล้วอยู่คนเดียวจะอยู่ได้หรือไม่? สภาพเศรษฐกิจและสังคมพร้อมกับการดูแลหรือไม่? ซึ่งต้องคิดมากกว่าเพียงการจ่ายเงินค่าเลี้ยงดู อาทิ สมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับการทำงาน (Work-Life Balance) ของคนเป็นแม่ ไปจนถึงการปรับทัศนคติของทั้งสังคม

“ขอให้ช่วยกันส่งเสริมการเกิดกันอย่างจริงจังในทุกรูปแบบดังที่กล่าวมาแล้ว โดยไม่มีการตีตราและไม่มีอคติ” อาจารย์อภิชาติ ฝากทิ้งท้าย

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’ สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย
  • สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’ สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง
  • สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
  •  

Breaking News

(คลิป) สรุป! เหตุปะทะ 'ปราสาทตาเมือนธม' 'มนุษย์ป้าเขมร' หรือ แผนเช็คกำลังทหารไทย

'รสนา'วอนศาลเมตตา'ฟ้า สุทธินี' จำเลยคดี ม.112 ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ

'ภูมิธรรม' ถือเค้กอวยพรวันเกิด 'ปลัดมหาดไทย' ชมช่วยทำงานผลักดันนโยบายสำคัญ

‘ทักษิณ’น่าจะรอด? ‘อ.ไชยันต์’วิเคราะห์คดี‘ม.112’ หลังศาลนัดชี้ชะตา 22 สิงหา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved