“วิศวกรสังคม” เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่องคมนตรีมีเป้าหมายให้เป็นโครงการที่นำเครื่องมือไปพัฒนานักศึกษา และ ชุมชนในแต่ละพื้นที่ โดยมีมหาวิทยาลัยสถาบันราชภัฎทั้ง 38 แห่ง เป็นองค์กรสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของ “วิศวกรสังคม” ให้สร้างคน พัฒนางานชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งล่าสุด “สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ” (วช.) ได้นำทีมผู้บริหารและคณะสื่อมวลชน ร่วมติดตามความก้าวหน้าของโครงการ “สร้างฝายกั้นน้ำแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริ” โดยกระบวนการวิศวกรสังคม และ การมีส่วนร่วมของชุมชน โดยยกตัวอย่างชุมชนบ้านซำหวาย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มาเป็นต้นแบบของการศึกษาวิจัยในโครงการดังกล่าว
@“วช.”เอาจริง ลุยต่อยอด “วิศวกรสังคม”
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบหมายให้คณะผู้ทรงคุณวุฒิ วช. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ เรื่อง “การสร้างฝายกั้นน้ำแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริ โดยกระบวนการวิศวกรสังคมและการมีส่วนร่วมของชุมชนบ้านซำหวาย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี” โดยมี นางสาวรัตน์ชฎาพร ศรีสุระ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และคณะนักวิจัย ให้การต้อนรับ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา
ด้าน “พลเอกกนก ภู่ม่วง” ประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. ได้สนับสนุนทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่งทั่วประเทศ ในการบ่มเพาะวิศวกรสังคมด้วยกระบวนการวิจัยและนวัตกรรม โดยโครงการวิจัย เรื่อง “การสร้างฝายกั้นน้ำแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริ โดยกระบวนการวิศวกรสังคมและการมีส่วนร่วมของชุมชนบ้านซำหวาย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี” เป็นการดำเนินการในกระบวนการบ่มเพาะวิศวกรสังคมด้วยวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
“โครงการดังกล่าว ได้เข้าไปหนุนเสริมการสนับสนุนนักศึกษาที่ผ่านกระบวนการวิศวกรสังคม นำองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยและนวัตกรรม ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น ส่งเสริมให้นักศึกษาวิศวกรสังคมสามารถดำเนินการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ และได้นำหลักแนวคิดวิศวกรสังคมมาสู่การสร้างโจทย์และการปฏิบัติงานร่วมกับท้องถิ่นได้อย่างมีส่วนร่วม” พลเอกกนก กล่าว
@มรภ.อุบลฯ ภูมิใจเปลี่ยนชีวิตใหม่ให้ นศ. ด้วย “วิศวกรสังคม”
ขณะที่ นางสาวรัตน์ชฎาพร ศรีสุระ หัวหน้าโครงการฯ เปิดเผยว่า โครงการการสร้างฝายกั้นน้ำแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริ โดยกระบวนการวิศวกรสังคมและการมีส่วนร่วมของชุมชนบ้านซำหวาย อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ได้รับการสนับสนุนทุนจาก วช. ผ่านกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปี 2565 เพื่อพัฒนาทักษะนักศึกษาวิศวกรสังคม ด้านการคิด การสื่อสาร ด้านการประสานงาน ด้านการทำงานร่วมกับผู้อื่น ด้านการสร้างนวัตกรรม และด้านการปฏิบัติงาน โดยใช้เครื่องมือสร้างบัณฑิตให้เป็นนักคิด นักปฏิบัติ ผ่านเครื่องมือวิศวกรสังคมทั้ง 5 เครื่องมือ ได้แก่ ฟ้าประทา, นาฬิกาชีวิต, ไทม์ไลน์กระบวนการ, ไทม์ไลน์พัฒนาการ และ เอ็ม.ไอ.ซี โมเดล (M.I.C. Model) ด้วยการ เรียน รู้เข้าใจ ใช้เป็น เห็นเหตุผล และบ่มเพาะนักศึกษาให้มีทักษะ 4 ประการ ด้านวิศวกรสังคม ส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษาฝึกนำเครื่องมือของวิศวกรสังคมไปใช้บูรณาการด้านการพัฒนาชุมชนอย่างเหมาะสม และพัฒนานวัตกรรมที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาของชุมชน โดยกระบวนการพัฒนาทักษะวิศวกรสังคม(Social Engineer Skills) เป็นการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
รวมทั้งยังพบว่า นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ “วิศวกรสังคม” ของ “มรภ.อุบลราชธานี มีการพัฒนาด้านการใช้ชีวิต, บุคลิกภาพ และ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง โดยพบว่า จากนักศึกษามาเรียนในปีที่หนึ่งไม่ตรงต่อเวลาในการนัดหมาย และ ขาดทักษะการพูด การประสานงานกับกลุ่มคน เมื่อเข้ามาร่วมกิจกรรมในโครงการ “วิศวกรสังคม” ทำให้นักศึกษาตรงต่อเวลาในการนัดหมาย พัฒนาทักษะด้านการพูด และ ภาวะผู้นำ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายกองค์กรนักศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยสามารถพัฒนาตัวเองด้วยเครื่องมือของโครงการวิศวกรสังคมดังกล่าว
@เจาะพื้นที่บ้านซำหวาย จ.อุบลราชธานี เป็นกรณีศึกษาต่อยอด “วิศวกรสังคม
สำหรับ “พื้นที่บ้านซำหวาย” อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีป่าชุมชน 2 แหล่ง รวมประมาณ 2,000 ไร่ ที่ผ่านมาชุมชนได้ทำโครงการฝายชะลอน้ำเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าและเป็นแหล่งน้ำของสัตว์ป่า แบบอาศัยความรู้แบบชาวบ้านทำให้ฝายไม่สามารถกักเก็บน้ำได้เท่าที่ควรต้องทำใหม่ทุกปี จึงมีการส่งเสริมให้นักศึกษาที่ได้รับการอบรมวิศวกรสังคม ใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมในการวิเคราะห์ เชิงเหตุ-ผล ทำให้เห็นปัญหาของชุมชนและความที่ท้าทายในการทำงานกับพื้นที่ นักศึกษาจึงนำทักษะด้านศาสตร์สาขาที่เรียนมาบูรณาการการทำงานร่วมกัน ใช้ทักษะด้านวิศวกรสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนการสร้างฝายกันนั้นเป็นการน้อมนำศาสตร์พระราชามาบูรณาการร่วมกับความรู้และทักษะอันของนักศึกษาวิศวกรสังคม อีกทั้งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม การเรียนรู้จากทักษะวิศวกรสังคมจนกลายเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ นำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในด้านทักษะการใช้ชีวิต การทำงาน การอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคม มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างศักยภาพและพัฒนาองค์ความรู้ ผ่านการศึกษาชุมชนต้นแบบวิศวกรสังคมได้
“วิศวกรสังคม” จึงเป็นหนึ่งในโครงการระดับชาติที่สำคัญ เพราะเป็นเครื่องมือในการพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎทั้ง 38 แห่ง และ ยังเป็นโครงการที่เข้าไปพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้มีศักยภาพ ทั้งการดึงศักยภาพของวิถีชุมชนและการน้อมนำศาสตร์พระราชาเข้าไปใช้ เพี่อกระตุ้นให้สังคมและพื้นที่นั้นๆได้แสดงคุณภาพของตนเองอย่างเต็มที่ด้วยการเป็นประชาชนที่อยู่ภายใต้การดูแลด้วย “ทศพิธราชธรรมของพระมหากษัตริย์ไทย”