'ราชินี'แห่งฟุตบอลไทย :บันทึกเรื่องราว50ปีถ้วยควีนส์คัพ

'ราชินี'แห่งฟุตบอลไทย :บันทึกเรื่องราว50ปีถ้วยควีนส์คัพ

วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 12.28 น.


สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย สนพระราชหฤทัยในกีฬา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระองค์ทรงเล็งเห็นว่า การแข่งขันฟุตบอล เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมและสนใจจากประชาชนชาวไทย ก่อนที่พระองค์จะทรงพระราชทานถ้วยฟุตบอล “ควีนส์คัพ” เคียงคู่กับถ้วย “คิงส์คัพ” เป็นที่รู้จักไปยังทั่วประเทศ


คิงส์คัพ คือถ้วยระดับทีมชาติ ขณะที่ ควีนส์คัพ คือถ้วยของภาคีสโมสร
ข้อมูลจากสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดย คุณจิรัฏฐ์ จันทะเสน(ล่วงลับไปแล้ว เมื่อ 24 เมษายน 2567) คัมภีร์ลูกหนังไทย ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานของฟุตบอลไทยในอดีตไว้ที่ พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม จังหวัดนครปฐม 
ได้บันทึกเรื่องราวเอาไว้ในช่วงครบรอบ 50 ปี ถ้วยควีนส์คัพ ไว้อย่างละเอียด และน่าสนใจยิ่ง เป็นมรดกของประเทศไทยอย่างแท้จริง


พร้อมกับเช็กข้อมูลกับ “อ๋อวังโอ่ง” คุณคมกฤช นภาลัย อดีตนักข่าวบอลไทยที่คร่ำหวอดในวงการมาอย่างยาวนาน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด
ที่มาก็คือ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2508 สโมสรทหารอากาศ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลสามเส้า ระหว่างทีม สโมสรธนาคารกรุงเทพ, สโมสรทหารอากาศ และสโมสรตำรวจ เพื่อชิงถ้วยท่านผู้บัญชาการทหารอากาศ แต่ก็เป็นการจัดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น


ด้วยเหตุผลดังกล่าว นายบุญชู โรจนเสถียร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ในฐานะนายกสโมสรธนาคารกรุงเทพ พร้อมด้วย นายชัยรัตน์ คำนวณ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด จึงได้เกิดความคิดที่จะจัดการแข่งขันระหว่างหมู่สโมสร 
วัตถุประสงค์เพื่อให้ทีมสโมสรต่างๆ ได้มีโอกาสเข้าแข่งขันเพื่อหาประสบการณ์ และคัดเลือกตัวนักฟุตบอลมากขึ้น ซึ่งจะเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานกิจการฟุตบอลของไทย ให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน 


จึงได้คิดริเริ่มจัดการแข่งขัน “ควีนสคัพ”  (Queen’s Cup) ขึ้นมา
ในชั้นแรกได้นำความขึ้นกราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เพื่อขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาติ ใช่ชื่อการแข่งขันนี้ว่า การแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “ควีนสคัพ” ซึ่งก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
จากนั้นได้เชิญสโมสรต่างๆ ที่ได้พิจารณาเห็นว่า มีการส่งเสริมและสนับสนุนกีฬาฟุตบอลอย่างจริงจัง อีก 5 สโมสร

1. สโมสรการท่าเรือ
2. สโมสรราชวิถี
3. สโมสรทหารอากาศ
4. สมาคมจีนแคะ (หวีฝ่อ)
5. สโมสรราชประชานุเคราะห์

ทั้งหมดเข้าร่วมประชุมปรึกษาเพื่อจัดการแข่งขัน โดยมีจุดประสงค์ที่สำคัญ 3 ประการ
1. เพื่อหาเงินรายได้โดยเสด็จพระราชกุศล
2. เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกีฬาฟุตบอลไทย
3. เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีในระหว่างสโมสรและนักกีฬา
ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบ และร่วมมือด้วยดีจากทุกสโมสร และได้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันขึ้น มีผู้แทนจากทุกสโมสรที่เข้าแข่งขัน เข้าร่วมเป็นกรรมการ กำหนดจะให้มีการแข่งขันเป็นประจำทุกปี 

โดยทุกสโมสรผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาจัดการแข่งขัน และในฐานะที่สโมสรธนาคารกรุงเทพ เป็นผู้ริเริ่มจัดขึ้น ทุกสโมสรจึงมีมติมอบให้ สโมสรธนาคารกรุงเทพ เป็นประธานจัดการแข่งขันในปีแรก
ฟุตบอลรายการนี้จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการใน พ.ศ.2513 เป็นครั้งแรก โดยมี 6 สโมสรเข้าร่วม ประกอบด้วย ทหารอากาศ, ราชวิถี, หวีฝ่อ, ธนาคารกรุงเทพ(เจ้าภาพ), การท่าเรือแห่งประเทศไทย และราชประชานุเคราะห์ 


นัดชิงชนะเลิศ ธนาคารกรุงเทพ เสมอกับ ทหารอากาศ 0-0 ทำให้ครองถ้วยร่วมกัน ที่สนามศุภชลาศัย
การแข่งขันดำเนินมาเรื่อย ๆ มีหยุดไปบ้าง มาจนถึง ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนสคัพ ครั้งที่ 34 ปี 2553 ซึ่งครบรอบ 40 ปีพอดี ปรากฎว่า ธนาคารกรุงไทย บีจี(สโมสร บีจี ปทุมยูไนเต็ด) คว้าแชมป์ด้วยการชนะ เพื่อนตำรวจ 4-1 ที่สนามสถาบันการพลศึกษาชลบุรี 
ในระยะหลังสโมสรภาคีบางทีมเริ่มมีปัญหาทางการเงิน ทำให้ไม่อาจจัดเป็นเจ้าภาพได้ 

อีกทั้งเริ่มมีรายการฟุตบอลอาชีพ ทำให้ ควีนส์คัพ จึงจัดบ้างเว้นบ้าง สุดท้ายชลบุรีมารับหน้าเสื่อได้ 2 ปี ควีนส์คัพ ครั้งที่ 33 จึงเป็นหนสุดท้าย
ปัจจุบันถ้วยควีนส์คัพจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม
ฟุตบอลควีนส์คัพ เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สโมสรที่เข้าร่วมร่วมแข่งขัน จะต้องเป็นสโมสรที่เป็นสมาชิกของ ภาคีสโมสรควีนส์คัพ จึงจะมีสิทธิในการแข่งขัน 


ขณะเดียวกันมีการพัฒนาการแข่งขันในบางครั้งที่จะมีสโมสรฟุตบอลจังหวัดแข่งขันในนามของสโมสรอื่น และในการแข่งขันหลายครั้งก็จะมีการเชิญสโมสรฟุตบอล จากต่างประเทศมาร่วมแข่งขัน
ถ้วยควีนส์คัพ ครั้งหนึ่งถูกกล่าวเอาไว้ว่า “สูงที่สุด และใหญ่ที่สุดในโลก”
สูง 1.25 เมตร
กว้าง 31 เซ็นติเมตร 
น้ำหนัก 10.5 กิโลกรัม
เงิน 90 เปอร์เซนต์ พ.ศ.2513 และบริเวณพระปรมาภิไธยย่อ "สก." สลักอยู่บนตัวถ้วยเป็นทองคำหนัก 4 บาท เป็นเงินถึง 500,000 บาทสมัยนั้น

พระองค์ทรงพระราชทานให้ พร้อมกับตรัสว่า การกีฬาไม่ใช่ให้เน้นแค่ชัยชนะ แต่ขอให้ทุกคนได้ออกกำลังกาย และเล่นอย่าให้มีเรื่องกัน
ฟุตบอลรายการนี้จึงมีถ้วยมารยาทยอดเยี่ยม 
ให้เรารู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย และให้มีเวทีแห่งเกียรติยศ และแรงบันดาลใจในการพัฒนาเยาวชนสู่ความเป็นเลิศในกีฬา
ด้วยพระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ฟุตบอลไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขัน หากแต่เป็นสื่อแห่งมิตรภาพ สมานฉันท์ และพลังของความสุขที่หลอมรวมคนไทยทั้งประเทศไว้ด้วยกันทุกยุคทุกสมัย

จากจุดเริ่มต้น......ทั้งสองพระองค์ ในหลวง ด้วยพระชนมายุ 19 พรรษา ราชินี พระชนมายุ 17 โอบอุ้มประเทศที่เปลี่ยนระบอบการปกครอง ต้องเริ่มต้นบทบาทชีวิตใหม่ 

ท่ามกลางทหารที่มีอำนาจมากมาย  ทั้งสองพระองค์ ยังทรงสร้างบารมีได้มาขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย 
ไม่ตำราเล่มไหนสอนการเป็นกษัตริย์และพระราชินี

นอกจากตำราชีวิตจริง

….ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

บี แหลมสิงห์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top