เข้าสู่ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปีถือเป็นโอกาสทองของชาวบ้านกลุ่มอาชีพทำข้าวเม่าภูมิปัญญาชาติพันธุ์อีสาน บางรายยึดเป็นอาชีพหลักทำขายกันเป็นล่ำเป็นสัน สามารถสร้างเงินสะพัดในชุมชน มีเงินหมุนเวียนปีละหลายล้านบาททุกปี
เช่นเดียวกันกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทำข้าวเม่าแม่สุนาต บ้านโปร่ง หมู่ 7 ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถือเป็นกลุ่มอาชีพทำข้าวเม่าดั้งเดิมของภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษ โดยในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี จะเป็นโอกาสทอง ในการนำข้าวเปลือกมาแปรรูปทำเป็นข้าวเม่า ส่งจำหน่ายออกสู่ท้องตลาด ในราคากิโลกรัมละ 120-150 บาท สร้างรายได้รวมๆกัน มีเงินหมุนเวียนสะพัดเดือนละกว่าล้านบาท ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หันมาปลูกข้าวเม่าแปรรูปกัน และไม่ต้องกังวลเรื่องราคาเปลือกตกต่ำอีกด้วย มีตลาดรองรับแน่นอน เป็นการเพิ่มมูลค่า ไม่ง้อพ่อค้าคนกลางที่เอารัดเอาเปรียบ กดราคาข้าวเปลือกจนเกษตรกรชาวนาต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง อีกทั้งสร้างงานสร้างรายได้แบบครบวงจร
ส่วนข้าวเปลือกที่ปลูกนำมาแปรรูป จะเป็นพันธุ์ข้าวเหนียว กข 10 และ กข 12 ใช้ระยะเวลาเพาะปลูกประมาณ 3-4 เดือน มีราคาซื้อขายประมาณกิโลกรัมละ 15-20 บาท ถ้าคิดเป็นตัน 1 พันกิโลกรัม ก็ตกราคาตันละ 15,000-20,000 บาท ก่อนนำมาแปรรูปจากภูมิปัญญาชาวบ้านดั้งเดิม ล่าสุดมีการพัฒนาส่งเสริมการตลาด บรรจุแพคเกจซีลสุญญากาศ ลงจำหน่ายทางออนไลน์ทั่วประเทศ และส่งถึงผู้บริโภคที่อยู่ต่างประเทศ เพราะสามารถแช่แข็ง เก็บไว้ได้นานเป็นปี ข้าวเม่าสามารถนำไปกินสด เพิ่มรสชาติด้วยการใส่มะพร้าวอ่อนคลุกด้วยน้ำตาล รวมถึงนำไปปรุงแต่งเป็นขนมหวาน ได้อีกหลากหลายเมนู
นายชราวุธ กุมลา อายุ 34 ปี ทายาทข้าวเม่าแม่สุนาต เจ้าของแหล่งผลิตข้าวเม่าตราแม่สุนาต ที่ยึดอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้านมานานกว่า 20 ปี เล่าถึงการทำข้าวเม่าว่าถือเป็นผลผลิตภูมิปัญญาชาวบ้าน เริ่มจากทำกินเองในครัวเรือน ก่อนจะพัฒนามาสู่การแปรรูป ส่งขายเป็นธุรกิจในชุมชน หัวใจสำคัญของข้าวเม่าแท้ คือ จะต้องมีความหอม นุ่ม อร่อย และจะต้องทำจากข้าวน้ำนม อายุการเพาะปลูกประมาณ 3 – 4 เดือน หลังเก็บผลผลิตต้องนำมาคัดเมล็ดข้าวลีบออก เพื่อรักษาคุณภาพ ก่อนที่จะนำไปคั่วผ่านความร้อนให้สุกในกระทะขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความหอมของเมล็ดข้าว แล้วนำมาสีด้วยเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก จัดการกะเทาะเปลือกออก จนได้ข้าวเม่าที่มีเมล็ดสวยงาม สุดท้ายมีความสำคัญที่ไม่แพ้กัน คือจะต้อง ตำด้วยครกกระเดื่องโบราณเท่านั้น เพื่อให้เมล็ดข้าวนุ่มสม่ำเสมอกัน ก่อนนำส่งจำหน่ายทั้งในและนอกพื้นที่
นายชราวุธ กุมลา เล่าต่อว่าในทุกๆปี ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จะเริ่มเก็บผลผลิตข้าวเปลือกมาแปรรูปเป็นข้าวเม่า ส่งขายในราคากิโลกรัมละประมาณ 100 -120 บาท ยิ่งช่วงมีงานเทศกาลบุญประเพณีออกพรรษา หรืองานกฐินไปจนถึงปีใหม่ จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาสั่งออเดอร์ไม่อั้น จนผลิตกันแทบไม่ทัน จึงพัฒนาการผลิตเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนขนาดเล็ก สามารถผลิตได้สูงสุดวันละเกือบ 2 ตันหรือ 2,000 กิโลกรัม แต่หลักสำคัญคุณภาพการผลิตจะต้องคงที่ ทั้งรสชาติและกลิ่น คุณภาพข้าวเปลือกต้องคัดเลือกมาอย่างดี ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต ตามที่กล่าวในตอนต้น แต่ละวันสร้างมีรายได้ตกวันละประมาณ 50,000-100,000 บาท หักค่าใช้จ่ายจะมีกำไรสุทธิประมาณ 20 -30 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างรายได้แรงงานในชุมชน เพราะต้องจ้างแรงงานวันละ 20 – 30 คนเพื่อช่วยในการผลิตมีรายได้คนละ 300-400 บาทต่อวันแต่จะมีปัญหาเรื่องของข้าวเปลือกวัตถุดิบในการผลิตไม่เพียงพอ เพราะบางพื้นที่ย่างเข้าฤดูแล้งจะขาดแคลนน้ำไม่สามารถปลูกข้าวได้ ต้องหันไปทำอาชีพอื่นแทนไปพลางก่อน
ปัจจุบันได้พัฒนาข้าวเม่าแพคเกจใหม่ บรรจุถุงซีลสุญญากาศ ถุงละ 1 กิโลกรัมเพื่อสะดวกในการส่งให้ลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด และมีการสั่งซื้อจากคนไทยในต่างประเทศ อนาคตกำลังวางแนวทาง หาวัตถุดิบคือข้าวเปลือกให้สามารถผลิตเป็นข้าวเม่าได้ตลอดปี จึงต้องหาแหล่งทำนาปรัง ที่ปลูกข้าวได้ในฤดูแล้ง เป็นการช่วยเกษตรกรชาวนาทางอ้อมด้วย เพราะรับซื้อข้าวเปลือกสูงกว่าพ่อค้าคนกลาง ในราคากิโลกรัมละประมาณ 10-15 บาท จากปกติขายในท้องตลอดกิโลกรัมละ 5 บาทเท่านั้น จึงเป็นการช่วยชาวนาเพิ่มรายได้อีกทางด้วย สามารถโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 095-582-2887 หรือ 065-723-1058 จัดส่งทั่วไทย หรือสะดวกสอบถามทางเพจ ข้าวเม่าสดธาตุพนม ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี