เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง (สสจ.ระยอง) ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวผ่านเพจเฟซบุ๊ก กรณีโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพผู้ป่วยโรคเนื้อเน่า พร้อมกับมีข้อความกล่าวอ้างว่า “เชื้อ vibrio valnificus ระยองมีแล้ว 2 ราย เสียชีวิตทั้ง 2 ราย รพ.ระยอง 1 ราย รพ.แกลง 1 ราย แบคทีเรียในนํ้าทะเลกำลังบูม ช่วงนี้งดทานพวกหอยสดทุกชนิด โดยเฉพาะหอยนางรมสด หอยแครง และอาหารทะเลสุกๆดิบๆ”

โดยทาง สสจ.ระยอง ระบุว่า ภาพที่นำมาแชร์กันนั้นเป็นภาพผู้ป่วยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากการถูกของทิ่มแทง ได้รับการรักษาช้าจนมีเนื้อเยื่อตาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข่าวแบคทีเรียกินเนื้อคนของ CDC หรือสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบัน จ.ระยอง ยังไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิตจากเชื้อ vibrio valnificus ตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนที่มีบาดแผลเปิด งดลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด เพราะแผลอาจติดเชื้อได้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงต้นเดือน ก.ย. 2566 ก็มีข่าวลือทำนองเดียวกัน และทางเพจ สสจ.ระยอง ได้ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง รวมถึง นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง ก็ได้อัดคลิปวีดีโอ ชี้แจงผ่านเพจเฟซบุ๊ก “เพจรู้เรื่องเมืองระยอง” ซึ่งเป็นสำนักข่าวในท้องถิ่น เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา เรื่องผู้เสียชีวิตจากแบคทีเรียกินเนื้อคนใน จ.ระยอง เคยเกิดขึ้นจริง แต่เป็นเรื่องเมื่อ 5 ปีก่อน โดยผู้เสียชีวิตลงไปเล่นน้ำแล้วได้รับบาดเจ็บมีแผลที่เท้า แต่บาดแผลไม่ได้รับการดูแลที่ดี จึงเกิดแผลติดเชื้อลุกลามทำให้ผู้ป่วยรายนี้เสียชีวิตในที่สุด

สำหรับเชื้อ vibrio valnificus ข้อมูลจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า เป็นเชื้อแบคทีเรีย อยู่ในตระกูล (Family) Vibrionaceae ติดสีแกรมลบ รูปร่างแท่ง เชื้อนี้ทำให้เกิดโลหิตเป็นพิษ พบอัตราการป่วยตายสูงถึงร้อยยละ 75 โดยธรรมชาติเชื้อนี้อาศัยอยู่ในน้ำทะเลและน้ำกร่อย ผู้ป่วยได้รับเชื้อจากการรับประทานอาหารทะเลดิบที่สำคัญคือ หอยนางรม และทางบาดแผลที่สัมผัสกับเชื้อในแหล่งน้ำ ปริมาณเชื้อ 10 ยกกำลัง 3 เซล ในอาหาร 1 กรัม  สามารถก่อให้เกิดโรคได้

เชื้อ Vibrio vulnificus ก่อโรคในคนได้ 3 ลักษณะ คือ 1.การติดเชื้อที่บาดแผล (wound infection) เชื้อสามารถลุกลามอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดเนื้อเยื่ออักเสบ ผิวหนังมีอาการบวม ร้อนแดง เจ็บปวด อาจกลายเป็นตุ่มที่มีเลือดปน จนเกิดอาการเนื้อเน่าตายของเนื้อเยื่ออ่อนใต้ผิวหนัง การติดเชื้อที่บาดแผล พบประมาณร้อยละ 45 และมีอัตราการตายถึงร้อยละ 50

2.โลหิตเป็นพิษ (septicemia) เชื้อสามารถบุกรุกเข้าสู่กระแสโลหิตโดยผ่านทางเยื่อบุทางเดินอาหารจากการรับประทานอาหารทะเลดิบ หรือผ่านทางบาดแผลจากการติดเชื้อที่บาดแผลนั้นเอง มีอาการไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ความดันต่ำ อาจมีอาการอุจจาระร่วง อาเจียน อาการโลหิตเป็นพิษนี้พบประมาณร้อยละ 43 มีอัตราการตายสูงถึงร้อยละ 75 และ 3.กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ จากการรับประทานอาหารทะเลดิบ ทำให้อุจจาระร่วง อาเจียน พบประมาณร้อยละ 12 อัตราการตายน้อยมาก

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีอาการรุนแรง พบว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่มีโรคตับเรื้อรัง เช่น ตับแข็ง ไวรัสตับอักเสบ ฯ รวมทั้งผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง มะเร็ง ไตวายเรื้อรัง โรคเลือด เบาหวาน การรักษา ยาที่ใช้คือกลุ่ม tetracyclines โดยให้ร่วมกับ third-generation cephalosporin (เช่น doxycycline + ceftazidime หรือ minocycline + cefotaxime) และ fluoroquinolones เช่น levofloxacin, ciprofloxacin หรือ gatifloxacin รวมทั้งควรตัดเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เน่าตายทิ้ง ร่วมด้วย ส่วนการป้องกันที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงการกินอาหารทะเลดิบโดยเฉพาะหอยนางรม และการสัมผัสน้ำทะเลและน้ำกร่อยเมื่อมีบาดแผล

ขณะที่ ประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง ชี้แจงเช่นกันว่า #ข่าวลวง Fake news !! เป็นภาพผู้ป่วยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากการถูกของทิ่มแทง ได้รับการรักษาช้า จนมีเนื้อเยื่อตาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข่าว แบคทีเรียกินเนื้อคนของ CDC ปัจจุบัน จังหวัดระยองยังไม่พบยืนยันผู้ป่วยเสียชีวิตจากเชื้อ Vibrio valnificus ตามที่เป็นข่าว ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนที่มีบาดแผลเปิด งดลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด เพราะแผลอาจติดเชื้อได้

ขอบคุณเรื่องจาก

- https://www.facebook.com/photo/?fbid=315197127831438&set=a.116758327675320

- https://www.facebook.com/photo/?fbid=710886351070690&set=a.306830828142913

- https://www.facebook.com/Rayonghandmade/videos/1299717640907660

- http://nih.dmsc.moph.go.th/login/showimgdetil.php?id=866

- 006