จากภูมิปัญญาชาวบ้านบวกพลังศรัทธาสู่'เรือไฟไม้ไผ่'สวยงามลำใหญ่หนึ่งเดียวในโลก

จากภูมิปัญญาชาวบ้านบวกพลังศรัทธาสู่'เรือไฟไม้ไผ่'สวยงามลำใหญ่หนึ่งเดียวในโลก

วันศุกร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 12.54 น.

จากภูมิปัญญาชาวบ้านบวกกับความสามัคคีและพลังศรัทธาสู่"เรือไฟไม้ไผ่"ขนาดใหญ่ที่สวยงามหนึ่งเดียวในโลก มีให้เห็นทุกปีที่นครพนมในช่วงเทศกาลออกพรรษา


ในช่วงงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 20-30 ตุลาคม ตลอดแนวริมฝั่งน้ำโขง เลียบถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม คึกคักไปด้วยบรรดาศิลปินเรือไฟ ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้านจาก 12 อำเภอต่างร่วมแรงร่วมใจนำวัสดุอุปกรณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งไม้ไผ่เป็นวัตถุหลัก ตามด้วยโครงเหล็กดัดเป็นลายตามจินตนาการ นำมาขึ้นโครงผูกเป็นโครงสร้างเรือไฟแสดงออกถึงความสามัคคีของคนในชุมชนนั้นๆ 

รวมถึงความตั้งใจที่จะสืบสานประเพณีสำคัญของจังหวัดนครพนมในการนำลำไม้ไผ่มาต่อเติม สร้างเป็นแพฐานโครงสร้างของเรือไฟ บางลำความยาวกว่า 80 เมตร สูงเกือบ 30 เมตร ใช้ไม้ไผ่นับหมื่นลำ ก่อนที่จะติดตั้งโครงสร้างเหล็กดัดที่ออกแบบจากลวดลายภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่ต้องใช้หลักวิศวกร แต่เป็นการสร้างเรือไฟที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่กำหนด 

ส่วนตะเกียงไฟทำจากวัสดุเหลือใช้คือกระป๋องกาแฟ มีไส้ผ้าฝ้าย เติมด้วยน้ำมันดีเซลผสมน้ำมันก๊าด เพื่อให้ระยะเวลาส่องสว่าง นานกว่า 2-3 ชั่วโมง โดยติดตั้งตะเกียงไฟลำละ 20,000 - 30,000 ดวงแขวนตามลวดลายโครงเหล็กดัดที่ออกแบบไว้ หลังจากจุดแล้วแสงตะเกียง จะส่องสว่างออกมาเป็นสีสันสวยงามและมีลวดลายตระการตา 

ลวดลายที่ศิลปินเรือไฟออกแบบ ล้วนเป็นที่มาจากแสงไฟจากดวงตะเกียง ทำให้เกิดเป็นภาพที่งดงาม ส่วนใหญ่เป็นภาพมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของจังหวัดนครพนม ประกอบด้วยองค์พระธาตุพนม พญาศรีสัตตนาคราช เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ขาดไม่ได้ คือ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แสดงออกถึงความรัก ความศรัทธา พลังสามัคคี และเทิดทูนในสถาบันสำคัญของชาติ 

โดยแรงงานศิลปินเรือไฟไม่มีค่าจ้าง มีเพียงวัสดุบางอย่าง อาทิ โครงสร้างเหล็ก น้ำมันที่ได้มาจากงบประมาณภาครัฐแค่บางส่วน นอกนั้นจะมาจากการบริจาค และพลังศรัทธาของคนในชุมชน บางลำต้องใช้งบประมาณมากถึงล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างเกือบสองเดือน โดยไม่คำนึงถึงเงินรางวัล แต่เน้นการสืบสานประเพณี รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นหลัก กำลังใจสำคัญคือสายตาของประชาชน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมการไหลเรือไฟ

ประเพณีไหลเรือไฟในวันออกพรรษา สืบทอดกันมายาวนานหลาย 100 ปี เพราะเป็นประเพณีความเชื่อของคนอีสาน ที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้ลำน้ำ เดิมเป็นการทำเรือไฟจากต้นกล้วย แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อนำเครื่องสักการบูชา ใส่ลงไปในเรือไฟ นำไปไหล(ลอย)เป็นพุทธบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำโขง รวมถึงถวายเป็นพุทธบูชาต่อพระพุทธเจ้า องค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุ กระดูกส่วนหน้าอกพระพุทธเจ้า อายุกว่า 2,500 ปี อีกทั้งยังเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับแรมที่ภูกำพร้า คือสถานที่ตั้งองค์พระธาตุพนมในปัจจุบัน รวมถึงแม่น้ำโขงมหานที ตามตำนานความเชื่อ

ภายหลังมีการพัฒนาประยุกต์ต่อเติมเรือไฟให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างความตื่นตาเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว มาเที่ยวชม ทำให้การออกแบบสร้างเรือไฟ ทุกปีจะต้องมีลวดลายภาพดวงไฟออกมาเป็นภาพองค์พระธาตุพนม รวมถึงองค์พญานาค แสดงออกถึงความเชื่อความศรัทธา ต่อพระพุทธศาสนา และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญ

โดยในปีนี้กำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 20-30 ตุลาคม 2566 คืนไฮไลท์ คือวันออกพรรษา 15 ค่ำเดือน 11 วันที่ 29 ตุลาคม จะมีการประกวดเรือไฟ ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา จากทุกอำเภอรวม 12 ลำ คาดจะมีประชาชน นักท่องเที่ยว มารอชื่นชมหลายแสนคน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวในพื้นที่ เงินหมุนเวียนสะพัด ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ที่พักถูกจับจองเต็มข้ามปี

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมพร้อมการสืบสานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ มีชาวบ้านจาก 12 อำเภอ เร่งต่อเติมเรือไฟมานานกว่า 2 เดือน เพื่อไหลโชว์คืนวันออกพรรษา ทุกวันก่อนคืนวันออกพรรษา จะมีการไหลเรือไฟโชว์ทุกคืน วันละ 1 ลำ ก่อนที่จะไหลโชว์ทั้ง 12 ลำ ในคืนออกพรรษา 15 ค่ำ เดือน 11 นอกจากนี้เป็นการสร้างสีสัน ส่งเสริมการท่องเที่ยว ปีนี้จะมีการบินโดรนแปรอักษร หรือเรียกว่าเรือไฟเหาะบนท้องฟ้า โชว์นักท่องเที่ยว สร้างความตื่นตาตื่นใจ

ส่วนการทำเรือไฟทุกอำเภอมีความพร้อมทุกลำ ร่วมใจสร้างเรือไฟขนาดใหญ่ ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม โดยทางจังหวัดได้ร่วมกับทุกหน่วยงาน เตรียมพร้อมดูแลประชาชน นักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาเที่ยวชม ประชาชน นักท่องเที่ยว สามารถมารอชื่นชมไหลเรือไฟ ตลอดแนวเลียบน้ำโขงยาวกว่า 2 กิโลเมตร สิ่งสำคัญนอกจากความสวยงามแล้ว ยังจะได้เห็นถึงความสามัคคี ความตั้งใจของศิลปินเรือไฟ ที่ช่วยกันต่อเติมสร้างเรือไฟออกมาเป็นความสวยงามตระการตา มั่นใจสามารถรองรับประชาชน นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกในการเข้ามาในพื้นที่ ฝากเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน - 003

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top