ฮือฮา! ฟักทองพันธุ์ไทยแท้น้ำหนัก 10 กิโลกรัมโผล่กลางงานลิ้นจี่ของดีขามเฒ่า เกษตรกรบ้านชะโงม คว้าแชมป์ลิ้นจี่หวานสุดในโลก เตรียมดันเป็นแหล่งท่องเที่ยว ชม-ชิมในสวน
วันที่ 25 เม.ย.68 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม ได้จัดงานวัน ลิ้นจี่ของดีขามเฒ่า ปีที่ 21 เพื่อส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร สร้างรายได้จากผลผลิต โดยจัดให้มีการประกวดลิ้นจี่ ธิดาลิ้นจี่ ซุ้มนิทรรศการ และการออกร้านของเกษตรกรในพื้นที่ มีนายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผวจ.นครพนม เป็นประธานลั่นฆ้องเปิดงาน ร่วมกับ นางสงวน มะเสนา นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รอง ผวจ.ฯ นายสมศักดิ์ บุญจันทร์ นายอำเภอเมืองนครพนม และหัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ที่ปลูกพืชผักเศรษฐกิจหลายชนิด อาทิ ข้าวโพดหวาน ฟักทอง มะม่วง เป็นต้น
นายวีรเดช ชามาตร นายก อบต.ขามเฒ่า เปิดเผยว่าปัจจุบันใน ต.ขามเฒ่า มีพื้นที่ปลูกลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 ประมาณ 2,725 ไร่ โดยให้ผลผลิตในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี และเมื่อปี 2556 ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI ลิ้นจี่นครพนม ซึ่ง ผวจ.นครพนม ได้กล่าวว่าเคยไปดูลิ้นจี่ต้นแรกของจังหวัดมาแล้ว แม้จะมีอายุมากถึง 50 ปี ก็ยังให้ผลผลิตต่อเนื่อง ซึ่งปีหน้านายอำเภอจะของบจังหวัด จัดงานให้ยิ่งใหญ่ขึ้น จากเดิมจัดกันแค่วันเดียว อาจจะเพิ่มเป็น 3 วัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพื่อที่จะให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสมา ชม ชิม และเข้าไปชมสวน เชื่อว่านักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงแล้ว ส่วนหนึ่งก็อยากไปชมสวน เจ้าของสวนก็จัดแพคเก็จกันขึ้นมา เช่นอิ่มละ 99 บาทก็ว่ากันไป เป็นการเชิญชวนมาเที่ยวชมสวน และเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยทั้งประเทศรู้จักลิ้นจี่นครพนมพันธุ์ นพ.1 มากยิ่งขึ้น
หลังจาก ผวจ.นครพนม ตีฆ้องเปิดงานแล้ว ก็เดินเยี่ยมชมการออกร้าของเกษตรกร ก็เจอฟักทองพันธุ์ไทยลูกใหญ่ ที่ผู้ปลูกต้องการนำมาโชว์ว่าดินริมแม่น้ำโขง บริเวณนี้มีสารอาหาร รวมทั้งแร่ธาตุสำคัญที่พืชต้องการ ปลูกอะไรก็งอกงามดี เช่นฟักทองพันธุ์ไทยลูกยักษ์ มีน้ำหนักถึง 10 กิโลกรัม ราคาขายหน้าสวนกิโลกรัมละ 15 บาท ซึ่งจะมีการพัฒนาสายพันธุ์กันต่อไป
ด้านนายภควรรษ สารุณา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนม เปิดเผยถึงการประกวดลิ้นจี่ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการการตัดสินขึ้นมา 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนม 2.คณะเกษตรและเทคโนโลยี่ มหาวิทยาลัยนครพนม และ 3.สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม
“เจ้าของสวนสามารถส่งลิ้นจี่จากสวนตนเองเข้าประกวด โดยมีกติกาและเงื่อนไข ว่า ลิ้นจี่ 1 กิโลกรัม มีผลไม่เกิน 25 ลูก/กก. ปีนี้มีผู้ส่งประกวด 26 ราย กรรมการตรวจแล้วคัดออกเหลือ 13 ราย เหตุที่คัดออกคือดูจากผล ต้องมีขนาดโตเสมอกัน ผิวต้องแห้งนั่นหมายความว่าลิ้นจี่สุกเต็มที่แล้ว จากนั้นก็มาวัดขนาดผล โดยจะสุ่มหยิบผลลิ้นจี่ในกระจาดเดียวกันออกมา 10 ผล ผ่าดูเมล็ดภายใน ก้นผลต้องหุ้มเมล็ด หากเนื้อไม่หุ้มถือว่าไม่ผ่าน ผลลิ้นจี่ไม่สมบูรณ์ จากนั้นก็วัดความหวาน กำหนดค่าไม่ต่ำกว่า 15 องศาบริกซ์ แล้วเอาผลตรวจทั้งหมดมารวมเป็นคะแนน ที่สำคัญคณะกรรมการจะไม่รู้จักชื่อเจ้าของสวน จะรู้แต่ลำดับที่ส่งเข้าประกวดเท่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันให้คะแนนไม่เป็นไปตามความจริง จะรู้เฉพาะเจ้าหน้าที่ อบต.ฯ ว่าเจ้าของสวนชื่ออะไร ซึ่งปีนี้เจ้าของลิ้นจี่หวานสุดในโลกคือนายพรชัย ภาษา ชาวสวนบ้านชะโงม หมู่ 6 ต.ขามเฒ่า” นายภควรรษ กล่าว
ทั้งนี้มีประวัติความเป็นมาของลิ้นจี่ ว่า ปี 2499 มีโยมนำผลลิ้นจี่จากภาคเหนือมาถวายหลวงปู่จันทร์ เขมิโย หรือพระเทพสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดศรีเทพประดิษฐานราม (ในขณะนั้น) เขตเทศบาลเมืองนครพนม ท่านได้ชิมแล้วเห็นว่ามีรสชาติดี จึงให้เมล็ดลิ้นจี่ให้สามเณรวีระ สุทธิโสม นำไปปลูกบนที่ดินของโยมพ่อที่บ้านนาโดน ต.ขามเฒ่า จำนวน 4 เมล็ด จนถึงปี 2517 ลิ้นจี่ได้ออกดอกติดผล ชาวบ้านได้กินแล้วมีรสเปรี้ยวอมหวาน ครั้งนั้นเรียกกันว่าลิ้นจี่นาโดน
ต่อมาปี 2533 สถานีทดลองพืชสวนนครพนม ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็น ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนม นำไปขยายพันธุ์ โดยวิธีตอนกิ่ง ปลูกทดลองจนได้ผลดก ลูกโต รสหวาน จึงเปลี่ยนชื่อเป็นลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 พร้อมกับมีการแนะนำส่งเสริมปลูกมาจนถึงปัจจุบัน กระทั้งปี 2556 ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI ลิ้นจี่นครพนม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า LITCHI CHINENSISI SONN. ชื่อสามัญ LITCHI,LYCHEE โดยเป็นลิ้นจี่ที่ได้จากการเพาะปลูกในจังหวัดนครพนม ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในภาคอีสานตอนบนได้เป็นอย่างดี แตกต่างจากลิ้นจี่ทางภาคเหนือ คือ ต้องการสภาพอากาศหนาวเยนน้อยกว่าในการกระตุ้นการออกดอก จึงให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวเร็วช่วงเดือนเมษายนของทุกปี
สำหรับราคาขายของเกษตรกร 100 บาทเป็นลิ้นจี่คัดเกรดพรีเมี่ยม 80 บาทเป็นลิ้นจี่ไซส์กลาง และ 50 บาทเป็นลิ้นจี่ผสมหรือคละใหญ่ กลาง เล็ก เป็นต้น ปีนี้ให้ผลผลิตเยอะ เนื่องจากฤดูหนาวที่ผ่านมา มีอากาศหนาวเย็น จึงเหมาะแก่การออกดอก และมีพ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อถึงสวน คาดไม่เกินกลางเดือนพฤษภาคมก็จะหมดทุกสวน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี