ข่าวคราวการอพยพกลับของแรงงานไทย ที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอลเกือบ 30,000 คน และจนถึงปลายตุลาคม ก็น่าจะกลับมาแล้วร่วม 10,000 คน
เป็นแรงงานที่มีประสบการณ์ต่างๆ มาจากประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก ไม่ว่าจะทางด้านอุตสาหกรรม กสิกรรม ความเป็นอยู่ ความสามัคคี ความรักชาติ สามารถทำทะเลทรายให้เป็นที่เพาะปลูกพืชผักผลไม้ ส่งไปขายในยุโรป และทั่วโลกได้
ถึงแม้แรงงานคนไทย จะไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ฯลฯ ก็ไม่ควรไปด้อยค่า ถึงเขาจะไม่ได้จบการศึกษาขั้นสูงจากมหาวิทยาลัย แต่ก็ผ่านการศึกษาจากประสบการณ์ ในประเทศอย่างอิสราเอลกันมาแล้วคนละหลายๆ ปี
บุคคลเหล่านี้ ก็จะต้องมาหางานทำในประเทศไทย ปริญญาประสบการณ์ของเขา ถ้าไม่ระดมนำมาใช้ อีกหน่อยก็คงจะเลือนจางหายไป โดยประเทศไทยของเราจะมิได้ประโยชน์ใดๆ เลย ก็คงต้องหันไปพึ่งแรงงานจากเพื่อนบ้านมาทำงานในภาคต่างๆ แบบดั้งเดิม ล้าสมัยต่อไปอีก
กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้กลับมาจากอิสราเอล ไม่ต่ำกว่า 50 คนขึ้นไปน่าจะจัดให้มีกรรมการเฉพาะกิจ (และชั่วคราว) โดยมีผู้แทนหน่วยราชการในจังหวัด อาทิ เกษตรจังหวัด พัฒนาชุมชนจังหวัด แรงงานจังหวัด พม.จังหวัด ชลประทานจังหวัด พลังงานจังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด ฯลฯ เชิญแรงงานไทยจากอิสราเอลในจังหวัดของตนมาประชุม เพื่อขอให้เสนอความคิดเห็น และถ่ายทอดประสบการณ์ของตนว่าควรนำสิ่งใดมาใช้ได้ ในภาคปฏิบัติในกิจการเกษตร การป่าไม้ การผลิต การพลังงาน ฯลฯ ของประเทศเรา ได้แล้ว โดยอาศัยประสบการณ์ และความสังเกตในขณะอยู่ในอิสราเอล
ในการประชุมก็ควรมีเบี้ยประชุม ให้บ้างตามระเบียบของทางราชการ และหากข้อเสนอใด ที่ประชุมซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน และผู้เข้าร่วมประชุมเห็นชอบ และนำไปปฏิบัติได้ผลก็น่าจะมีรางวัลเป็นเงินด้วย ให้แก่ผู้เสนอ หรือกลุ่มที่เสนอ พอสมควร
ประเทศเราก็จะได้มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง วิธีการทำการเกษตร และอื่นๆ จากอิสราเอลมาใช้บ้าง และผวจ. ของแต่ละจังหวัด ก็ควรจะนำผลงานดังกล่าวมาเผยแพร่ จังหวัดใดทำดี กระทรวงมหาดไทยก็ควรจะมีรางวัลให้ตามความเหมาะสม
เรื่องดังกล่าวข้างต้น น่าจะเป็นการนำนวัตกรรมมาสู่ประเทศได้อย่างรวดเร็ว และทำวิกฤตของสงครามในตะวันออกกลาง ให้เป็นโอกาสของประเทศไทย
อย่างสันติ
นักเศรษฐศาสตร์มือเก่า ของสภาพัฒน์เห็นว่าเงินทุนมิใช่ประเด็นสำคัญ แต่การสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ดึงดูดความรู้ และประสบการณ์ มาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในกระบวนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นสิ่งที่เป็นปัจจุบัน
ทุน มิใช่ปัจจัยหลักของประเทศอย่างเราอีกต่อไป ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ สามารถคิดสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สำคัญกว่า และเป็นสินค้าที่ขาดแคลนมากกว่าทุน
หมดสมัย “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข”จีนเจริญก้าวหน้าทัดเทียมสหรัฐอเมริกา ภายในระยะเวลาเพียง 40 ปี และก็ทิ้งประเทศไทยไปลิบ ก็เพราะนวัตกรรมที่มาจากแรงคนทุกระดับ ไม่ว่าจะจาก มหาวิทยาลัยชื่อดัง หรือจากประสบการณ์ที่เคยทำ เคยเห็น มาจากที่ต่างๆ ทั่วโลก
อย่าให้โอกาสนี้หายไป โดยเรามีแต่แรงงานว่างงานจากอิสราเอล ไต้หวัน เกาหลีใต้ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้น โดยเรามิได้ประโยชน์อย่างใดจากประสบการณ์ของคนไทยเหล่านี้เลย
บทความนี้ เป็นความบันดาลใจที่ได้มาจากข้อเขียนในไลน์ของ คุณธรรมรักษ์ การพิศิษฎ์ นายกสมาคมข้าราชการอาวุโสแห่งประเทศไทย ที่พยายามให้เราเห็นความสำคัญของนวัตกรรมในการพัฒนาประเทศไทย ให้พ้นจากกับดักเพื่อขึ้นชั้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ขอขอบคุณ คุณธรรมรักษ์ การพิศิษฎ์นายกสมาคมข้าราชการอาวุโสแห่งประเทศไทยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี