4 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า ผู้ใช้ Facebook ที่ใช้ชื่อว่า “บักเชฟ ชาแนล” ได้โพสต์คลิปวีดีโอ ขณะที่ไปพบกับสุนัขเพศเมีย อายุประมาณ 1 ปี ไม่มีเจ้าของ ถูกรถชนอาการสาหัสอยู่ริมถนนหลักเมือง ในเขต ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา และพยายามโทรประสานกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือในขณะนั้น แต่ถูกการปฏิเสธ จนต้องอุ้มกลับมารักษาเองที่บ้าน แต่เนื่องจากผู้โพสต์ได้ข้อมูลจากโรงพยาบาลรักษาสัตว์มาว่า การที่จะนำสัตว์เข้าไปรักษา ต้องมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ผู้โพสต์จึงได้ถ่ายคลิปวีดีโอลงใน Facebook อีกครั้ง พร้อมระบุข้อความว่า “การชมคลิปนี้ของท่านเท่ากับท่านได้ บริจาคทำบุญเพื่อให้คลิปมีรายได้และรายได้จะเป็นค่ายาค่ารักษา พยาบาลน้องหมาตัวนี้ที่โดนรถชนและมีอาการสาหัส ได้โปรดชมคลิปจนจบ ขอบคุณครับ”
จากนั้นโลกโซเชียลได้แชร์เรื่องราวจากโพสต์ดังกล่าวออกไปเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ได้มีผู้ใจบุญที่เป็นคนรักสุนัข ติดต่อเข้ามาเรื่อยๆเพื่อจะขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ รวมถึงบริจาคเงินมาสมทบค่ารักษาพยาบาล จนกระทั่งมีผู้ใจบุญท่านหนึ่งติดต่อเข้ามาในข้อความของผู้โพสต์ และบอกให้ผู้โพสต์รีบนำน้องสุนัขส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์โดยด่วน และจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้โพสต์ก็ได้ติดต่อทางโรงพยาบาลรักษาสัตว์ ว่าจะนำสุนัขจรจัดถูกรถชนเข้าไปรักษา พร้อมกับติดต่อเจ้าหน้าที่อาสาสมัครแผนกบรรเทาสาธารณภัย สมาคมสุรินทร์นิวส์ ให้เข้ามาช่วยเคลื่อนย้ายน้องสุนัขส่งไปยังโรงพยาบาล
สอบถามนายสรนันท์ จันทรภักดิ์ อายุ 43 ปี ผู้โพสต์และเป็นเจ้าร้านสเต็กบักเชฟ เล่าว่า ตนไปพบน้องหมาถูกรถชนเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา ตอนนั้นตนขับรถตามหลังรถคันที่ชนอยู่เลนขวาสุด หลังจากนั้นตนก็ได้จอดรถลงไปดู และได้ดึงน้องมาไว้ที่ริมไหลทาง ซึ่งสภาพในตอนนั้นน้องร้องไม่หยุด เพราะเจ็บมาก มีเลือดท่วมตัว แล้วหลังจากนั้นตนก็ได้ไปซื้อผ้าก็อซ และสก็อตเทปมาพันบาดแผลไว้ ก่อนจะนำตัวน้องหมากลับมาที่บ้าน หลังจากนั้นก็ได้ถ่ายคลิปวีดีโอ แล้วโพสต์ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่รักสุนัขลงในเฟสบุ๊ค หลักจากนั้นก็ได้มีผู้คนเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ทั้งซื้อยา ซื้ออุปกรณ์ปฐมพยาบาลมาให้ ร่วมถึงนำเงินมาให้เพื่อสมทบค่ารักษาพยาบาล แต่เนื่องจาก ณ ตอนนี้ผ่านมาประมาณ 6 วันแล้ว ตนรู้ว่าอาการของน้องสุนัขไม่ดีขึ้น ยังคงทรงตัว กินอาหารได้น้อย และตนกลัวว่าน้องจะมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด
นายสรนันท์ จันทรภักดิ์ ยังเล่าว่า ตอนแรกที่ตนเห็นน้องหมาถูกรถชนในวันนั้น ตนรู้สึกว่ายังไงตนต้องช่วยน้องหมาให้ได้ก่อน ตนคิดว่าตนทิ้งไม่ได้ อีกอย่างตนเองก็เห็นต่อหน้า และในอดีตที่ผ่านมาตนก็เคยทำกรรมไว้กับสุนัขมาเยอะพอสมควร ตนก็เลยสัญญากับตัวเองว่า ถ้าเจอหมา,แมว ที่ต้องการความช่วยเหลือ ตนจะเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทันที แต่เนื่องด้วยเคสน้องสุนัขตัวนี้มีอาการค่อนข้างสาหัส และตนก็ได้สืบค้นข้อมูลมาว่า การที่จะนำสัตว์เข้าไปรักษา ที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์นั้น ต้องมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ตนจึงโพสต์ขอความช่วยเหลือลงในเฟสบุ๊ค ไม่วายยังมีคอมเม้นดราม่า ต่อว่าตนหาผลประโยชน์ หากินกับสัตว์ที่บาดเจ็บ หาว่าตนต้องการเพียงยอดวิว และรายได้จากคลิป แต่จริงๆคือตนเพียงต้องการช่วยชีวิตมันก็เท่านั้น
นายสรนันท์ ยังเล่าต่ออีกว่า หลังจากที่กระแสโซเชียลได้ช่วยกันแชร์เรื่องราวของน้องสุนัขตัวนี้ออกไป ก็ได้มีผู้ใจบุญท่านหนึ่งติดต่อมาหาตนผ่านทาง Inbox และบอกให้ตนรีบนำน้องสุนัขส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์โดยด่วน และจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง ตนจึงได้โทรประสานกู้ภัยให้มาช่วยเคลื่อนย้าย เพราะตนไม่มีความรู้เรื่องปฐมพยาบาล เกรงว่าถ้าเคลื่อนย้าย อาจจะทำให้น้องบาดเจ็บไปมากกว่าเดิม
ทั้งนี้หลังจากที่อาสาสมัครแผนกบรรเทาสาธารณภัย สมาคมสุรินทร์นิวส์ ได้ส่งตัวน้องสุนัขไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลรักษาสัตว์แล้ว ผู้สื่อข่าวก็ได้สอบถามอาการของน้องสุนัขจากสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาล ทราบว่า อาการตอนนี้น้องสุนัขอาการสาหัสมากๆ มีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างสูง เพราะว่าน้องมีภาวการณ์ติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ยังไม่ขอยืนยันต้องรอดูอาการ แต่ถ้าโชคดีน้องรอด น้องก็อาจจะพิการตลอดชีวิต เพราะมีกระดูกขาแตกหักทั้ง 3 ข้าง รวมถึงกระดูกสันหลังอาจจะหักด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ต้องรอผลเอ็กซเรย์ยืนยันอีกครั้ง.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี