วันอาทิตย์ ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
สกู๊ปแนวหน้า : ‘หมดไฟในการทำงาน’  ภัยเงียบบั่นทอนชีวิตครูไทย

สกู๊ปแนวหน้า : ‘หมดไฟในการทำงาน’ ภัยเงียบบั่นทอนชีวิตครูไทย

วันอาทิตย์ ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2567, 07.50 น.
Tag : สกู๊ปแนวหน้า
  •  

เวียนมาอีกครั้งกับ “วันครูแห่งชาติ”วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี โดยในปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 16 ม.ค. 2567 สำหรับประวัติของวันครูแห่งชาตินั้น สืบเนื่องจากกฎหมายรับรองวิชาชีพครูฉบับแรกของไทยอย่าง “พ.ร.บ.ครู พ.ศ.2488” ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2488 โดยสาระสำคัญคือเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง “คุรุสภา” องค์กรกำกับดูแลมาตรฐานวิชาชีพครู ก่อนที่ในปี 2499 ที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะได้ถือเอาวันที่ 16 มกราคม เป็นวันครูแห่งชาติ มาตั้งแต่ปี 2500 จนถึงปัจจุบัน 

ในงานมหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โรงเรียนพัฒนาตนเองเครือข่ายมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ครั้งที่ 2 เมื่อช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (หาดใหญ่) รศ.พญ.ชนกานต์ ชัชวาลา ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวในวงเสวนา “สถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิตของคนทุกช่วงวัยและ ครู ที่ต้องได้รับการดูแล” ว่าด้วยปัญหา “สุขภาพจิต” ซึ่งกระทบการทำงานของครูไทย


รศ.พญ.ชนกานต์ เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ทำงานของตน “ระยะหลังๆ พบครูเข้ามาขอรับบริการด้านสุขภาพจิตมากขึ้นและอาการที่พบก็หนักขึ้น” กลายเป็นคำถาม “เกิดอะไรขึ้นกับระบบการศึกษาไทย?” ขณะเดียวกันก็เกิดความคิดว่า “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ครูที่สุด ดังนั้นหากจะมีสักมือหนึ่งที่ยื่นเข้าไปแบ่งเบาภาระครู ก็ควรจะเป็น อปท. หรือเปล่า?” ในขณะที่ส่วนกลางอย่าง กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นองค์กรใหญ่ มีข้อจำกัดจะขยับอะไรก็ทำได้ยาก

“จากการคุยกับครู คุณครูคะ!..มีอะไรอยู่ในใจบ้าง? เป็นหมื่นล้านคำเกี่ยวกับภาระงาน มีคนพูดถึงภาวะ Burnout Syndrome (หมดไฟในการทำงาน) จริงๆ มันไม่ใช่แค่รู้สึกเบื่อและอยากจะลาออก มันมี Component (ส่วนประกอบ) หรืออะไรซ่อนมากกว่านั้น อย่างแรกเลยคือตอนแรกมันจะเครียดก่อน มันจะวิตกกังวล มันจะเบื่อก่อน ซึ่งมันเป็นปกติ คนเราต้องเครียด ทำงานต้องเครียด ถ้าทำงานสบายมากงานจะไม่เดิน จากนั้นสักพักเราจะสังเกตว่าในฐานะบุคคล ตัดความเป็นครูทิ้ง เราจะรู้สึกว่าเราเปลี่ยนไป

ความสัมพันธ์กับเด็ก ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน กลับบ้านไปวีนผัว วิธีการสังเกตที่ง่ายที่สุดว่าเราจะเริ่ม Burnout หรือไม่นะคะคุณครูผู้หญิง คือสามีเริ่ม..เธอ! เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมวีนจัง? แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่างานที่เราทำ ความเชื่อมั่นเก่าๆ ตอนเริ่มวันแรกที่เป็นครู สอบบรรจุได้มีความสุข ความตั้งมั่นนั้นเรารู้สึกว่ามันห่างไกล หรือบางทีเราลืมไปเลย ไม่มีอยู่แล้ว” รศ.พญ.ชนกานต์ กล่าว

ทั้งนี้ “ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ Burnout Syndrome ไม่ใช่โรค แต่เป็นภาวะที่เจอได้ในการทำงาน” โดยมี “สัญญาณบอกเหตุ” ประกอบด้วย 1.มีความสุขน้อยลงหงุดหงิดง่าย เริ่มมีพฤติกรรม “วีนเหวี่ยง” ทำกิริยาไม่ดีใส่เพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว หรือหากเป็นครูก็อาจรวมถึงทำใส่นักเรียนด้วย กับ 2.หนีปัญหามากขึ้น ไม่เชื่อมั่นในตนเอง รู้สึกว่าตนเองด้อยความสามารถ ดังนั้นงานไหนโยนให้คนอื่นได้ก็โยน แล้วให้เหตุผลกับตนเองว่าเพราะตนเองคงไม่สามารถทำงานนั้นได้

“สภาพแวดล้อมแบบไหนที่ทำให้คนทำงานหมดไฟ?” องค์ประกอบที่เอื้อต่อการเกิดภาวะดังกล่าว 1.ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หรือก็คือความสัมพันธ์แบบเป็นพิษ (Toxic Relationship) ระหว่างเพื่อนร่วมงาน เช่น ชอบนินทาลับหลัง (ไม่ว่าแบบออนไลน์หรือออฟไลน์) หรือไม่ก็มีเพื่อนร่วมงานที่หมดไฟอยู่ก่อนแล้ว จนอาการนี้ดูเหมือนเป็นโรคติดต่อ

2.ลักษณะงานเอื้อต่อภาวะหมดไฟ เช่น งานที่ไม่มั่นคงและมองไม่เห็นโอกาสเจริญก้าวหน้า , งานที่คาดหวังความรับผิดชอบสูงแต่ให้รายได้ไม่ได้สูงตาม (ในกรณีของครู คือเรื่องของการต้องรับผิดชอบงานอื่นนอกเหนือจากการสอน อาทิ งานพัสดุ งานรักษาความปลอดภัย), งานที่เคร่งเครียด กดดัน ถูกคาดหวังผลงานในเวลาอันสั้น (ครูไม่ได้เรียนด้านบัญชี แต่ต้องไปทำงานพัสดุ และหากพลาดขึ้นมาอาจมีความผิดถึงขั้นติดคุก หรือครูไม่ได้เรียนด้านคหกรรม แต่ต้องไปทำอาหารกลางวันให้นักเรียน จนหลายครั้งตนเองรับประทานอาหารรวมถึงกินยาไม่ตรงเวลา)

“ในกรณีของครู ตัวชี้วัดบางอย่างยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของนักเรียนด้วย” อาทิ มีเรื่องที่พูดกันหนาหูว่า “ครูไม่สามารถให้เด็กสอบตกได้เพราะจะส่งผลต่อการประเมิน” ทำให้ครูต้องปล่อยเด็กผ่านไป แต่บางครั้งเด็กที่สอบตกอาจเกิดจากโรคบางอย่างได้ เช่น “โรคการเรียนรู้บกพร่อง (Learning Disorder : LD)” ซึ่งโรคนี้สามารถรักษาได้หากรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ในช่วงที่อายุยังน้อยๆ ดังที่ รศ.พญ.ชนกานต์ ยกตัวอย่าง เด็กชั้น ป.2 คนหนึ่งตกวิชาคณิตศาสตร์ 3 รอบ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเอะใจและพาไปให้แพทย์วินิจฉัยว่าป่วยหรือไม่

หรือจะเป็นเรื่องของ “พ่อแม่ผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมอบรมสั่งสอนบุตรหลานด้วย ไม่ใช่ให้เป็นความรับผิดชอบของครูฝ่ายเดียว” เช่น ครูถูกคาดหวังให้เป็นผู้อบรมสั่งสอนนักเรียน หรือก็คือเด็กและเยาวชน ในเรื่องคุณธรรม - จริยธรรม หรือลักษณะนิสัยอันพึงประสงค์ของการเป็นพลเมืองในประเทศ แต่คำถามคือ “เด็กอยู่กับครูหรือพ่อแม่ผู้ปกครองมากกว่ากัน?” ดังตัวอย่างที่ว่า อยู่โรงเรียนครูสอนถึงโทษภัยของอบายมุข แต่กลับบ้านเจอพ่อดื่มเหล้า แม่ขายหวยใต้ดิน พี่ชายซดน้ำใบกระท่อม แล้วแบบนี้เด็กจะเชื่อที่ครูสอนหรือเปล่า? เป็นต้น

“ทำไมมันถึงจะ Burnout ได้ 1.งานหนัก 2.การเมินเฉยความต้องการที่สำคัญ อะไรคือความต้องการที่สำคัญ? กิน!.อย่างครูที่ป่วยมาหาหมอก็ไม่กินข้าว คือกินไม่ได้เพราะงานหนัก เข้าใจได้ นอน!..นอนน้อย คือด้วยงานแล้วทำให้เราต้องเมินเฉยหรือละเลยมันไป ออกกำลังกาย!..ถ้าไม่ใช่ครูพละที่เหลือก็จบ และสุดท้ายเนื่องจากว่าเอาจริงๆ ตอนที่ทุกคนจะสอบหรือว่าจะเรียนครู หมอมั่นใจว่าทุกคนมีความมุ่งมั่น แล้วก็คิดว่ามันเป็นงานที่มี Value (คุณค่า) การจะเป็นแม่พิมพ์ให้เด็กจำนวนมากมันมีคุณค่าอยู่แล้ว

แต่พอมาถึงจุดที่พัสดุก็ต้องทำ กับข้าวก็ต้องทำ อยู่เวรก็ต้องอยู่ ซี (วิทยฐานะเลื่อนชั้นยศ-เงินเดือน) ก็ต้องทำ แล้วมันเป็นอะไรนักหนากับการต้องถ่ายคลิป ต้องทำอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่เพาเวอร์พอยต์อย่างเดียว ที่จะต้องถ่ายรูปเยอะๆ อะไรพวกนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็เกิดความรู้สึกในใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับความเป็นครู แต่ถามว่าเราออกไปไหมก็ไม่ได้ด้วยเหตุผลใดๆ แต่มันก็จะเกิดความขัดแย้งในใจ แล้วเราก็ไม่สามารถที่จะจัดการความขัดแย้งนี้ได้ สุดท้ายเราจะรู้สึกว่าข้างในมันว่างเปล่า มาทำงานในแต่ละวันเหมือนทำให้มันพ้นๆ ไป นี่คือเริ่มภาวะ Burnout” รศ.พญ.ชนกานต์ กล่าว


SCOOP@NAEWNA.COM
 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’ สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย
  • สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’ สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง
  • สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
  •  

Breaking News

'เอกนัฏ'สั่งห้ามตั้งขยายโรงงาน ใช้'สารปรอท'ในการผลิต มีผลบังคับใช้1ก.ย.68

'รัฐบาล'เชิญชวนร่วมงานวันแม่แห่งชาติ พร้อมเลื่อนประชุม ครม.เป็นอังคาร 19 ส.ค.

'ทักษิณ'ส่งโดรน10ชุด ให้กองทัพปกป้องชายแดนไทย มทภ.2เป็นผู้แทนรับมอบ

'ฮุนเซน'โพสต์อวดจิบกาแฟดังหวาน0% ลั่นอยู่สนามกอล์ฟ แต่พร้อมทำงานหากมีเหตุฉุกเฉิน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved