แนะ 8 ข้อดูแลตัวเองช่วง‘ฤดูร้อน’ งดแอลกอฮอล์-ดื่มน้ำมากขึ้น-เลี่ยงกิจกรรมกลางแดดจัด
23 กุมภาพันธ์ 2567 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้สิ้นสุดฤดูหนาวและเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ในตอนกลางวันบริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนเกือบทั่วไปต่อเนื่อง อุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 35 องศาเซลเซียส เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากรังสีดวงอาทิตย์เพิ่มมากขึ้น
นางรัดเกล้า กล่าวว่า มีข้อแนะนำ 8 วิธีการดูแลตนเองจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ดังนี้
1.ดื่มน้ำให้มากขึ้นจากปกติ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว เนื่องจากหน้าร้อนร่างกายจะสูญเสียเหงื่อมาก ควรหลีกเลี่ยงน้ำหวาน เพราะจะยิ่งทำให้กระหายน้ำมากขึ้น อาจดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำสมุนไพรที่มีรสไม่หวานจัดแทน
2.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น อาจทำให้เกิดการขาดน้ำ นอกจากนี้ ในหน้าร้อนแอลกอฮอล์จะซึมเข้าสู่กระแสโลหิตได้เร็ว ทำให้เมาง่าย และอาจช็อกหมดสติได้
3.ไม่ควรออกกำลังกายหักโหม หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง ซึ่งจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียง่ายขึ้น
4.สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายความร้อนได้ง่าย และดูแลความสะอาดของร่างกายไม่ให้เกิดการอับชื้น
5.ใช้ครีมกันแดดเมื่อออกกลางแจ้งหรือในที่แดดแรงๆ เพื่อป้องกันการเกิดผิวไหม้จากการได้รับแสงแดดมากเกินไปและควรสวมแว่นกันแดดเพื่อปกป้องสายตา
6.ไม่ควรนอนให้ลมหรือความเย็นโกรกในทันทีที่ออกแดดมา ซึ่งความร้อนจากแดดทำให้เสียเหงื่อ เสียพลัง แต่เมื่อนอนหลับตากความเย็นในขณะเหงื่อออก จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลงอย่างเร็ว ถ้าอุณหภูมิภายนอกยังสูงอยู่ แล้วเหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ จะมีความร้อนสะสมอยู่ข้างใน ทำให้มีอาการเวียนศีรษะ และอาจทำให้เป็นไข้หวัดได้
7.รับประทานอาหารปรุงสุกและสะอาด ป้องกันโรคทางเดินอาหารและน้ำที่พบบ่อยในหน้าร้อน
8.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
นางรัดเกล้า กล่าวว่า ขณะเดียวกันนี้ ในส่วนของรัฐบาล เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน นั้นหมายถึง “ภัยแล้ง” ที่จะตามมา โดยทาง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเตรียมการมาตรการรองรับฤดูแล้งปี 2566/2567 ไว้ทั้งสิ้น 9 มาตรการประกอบด้วย 1.เฝ้าระวังและเตรียมจัดหาแหล่งน้ำสำรองพร้อมวางแผนเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือในพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคนน้ำ 2.ปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ 3.กำหนดแผนจัดสรรน้ำและพื้นที่เพาะปลูก พืชฤดูแล้งควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปรังสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรเตรียมน้ำสำรองสำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำนอง
4.บริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญการใช้น้ำที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด 5.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำประหยัดน้ำและการลดการสูญเสียน้ำในทุกภาคส่วน 6.เฝ้าระวังและแก้ไขคุณภาพน้ำ 7.เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำของชุมชน องค์กรผู้ใช้น้ำ และอีก 2 มาตรการสุดท้ายคือการสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์ และการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน
ด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ประเทศไทยได้สิ้นสุดฤดูหนาว และเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ในวันที่ 21 ก.พ. 67 โดยในตอนกลางวัน บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนเกือบทั่วไปต่อเนื่อง อุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 35 องศาเซลเซียส เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากรังสีดวงอาทิตย์เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมีลมฝ่ายใต้พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ซึ่งเป็นรูปแบบลักษณะอากาศของฤดูร้อน โดยลักษณะอากาศจะร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ โดยอุณหภูมิสูงที่สุด 43.0-44.5 องศาเซลเซียส ซึ่งคาดว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนมากช่วงตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม แต่จะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ในบางช่วง ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณฝนรวมเฉลี่ยจะน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 30
นายคารม กล่าวว่า ในช่วงฤดูร้อนของทุกปีมักจะเกิดพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ โดยจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง ซึ่งสภาวะดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรได้ ส่วนปริมาณฝนที่ตกนั้น มีไม่เพียงพอกับความต้องการในหลายพื้นที่ ทั้งด้านอุปโภคและบริโภค รวมทั้งด้านเกษตรกรรม โดยเฉพาะพื้นที่ที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน ดังนั้น ประชาชนควรใช้น้ำอย่างประหยัด และให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเตรียมการป้องกันสภาวะดังกล่าว
“รัฐบาลห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชนในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และผู้ป่วยมีโรคประจำตัว จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงกลางวัน อาจทำให้ประชาชนเจ็บป่วยจากโรคลมแดด หรือโรคฮีตสโตรก (Heat stroke) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัว ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง และไม่ประมาทจากการทำงานกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงทำกิจกรรมกลางแดดร้อนจัด หากพบเห็นผู้ป่วยหรือต้องการความช่วยเหลือ โทรขอความช่วยเหลือสายด่วน 1669” นายคารม กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี