วันที่ 18 มกราคม 2568  รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว)  ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "หมอหมู วีระศักดิ์"  เปิดเผยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ยืนยันว่า “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งร้ายถึง 7 ชนิด แนะยิ่งดื่มน้อยยิ่งปลอดภัย

โดยระบุข้อความว่า  องค์การอนามัยโลก จัดให้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสารก่อมะเร็ง การดื่มแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะในระดับใดก็ตามไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพของเรา องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่แถลงการณ์ในวารสาร The Lancet Public Health ว่า การดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีปริมาณใดที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ แอลกอฮอล์เป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทและก่อให้เกิดการเสพติด และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม 1 ที่ยืนยันว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ (Carcinogenic to humans) โดยสถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติเมื่อหลายสิบปีก่อน

แอลกอฮอล์ทำให้เกิดมะเร็งอย่างน้อย 7 ชนิด รวมถึงมะเร็งชนิดที่พบบ่อยที่สุด เช่น 1) มะเร็งหลอดอาหาร 2) มะเร็งตับ 3) มะเร็งเต้านม 4) มะเร็งลำไส้ 5) มะเร็งช่องปาก 6) มะเร็งหลังโพรงจมูก และ 7) มะเร็งกล่องเสียง

ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ครึ่งหนึ่งของโรคมะเร็งทั้งหมดที่เกิดจากแอลกอฮอล์ มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณ "น้อย" และ "ปานกลาง" (ไวน์น้อยกว่า 1.5 ลิตร เบียร์น้อยกว่า 3.5 ลิตร หรือสุราไม่เกิน 450 มิลลิลิตรต่อสัปดาห์)

เราไม่สามารถพูดถึงระดับความปลอดภัยในการดื่มแอลกอฮอล์ได้ ไม่สำคัญว่าคุณจะดื่มมากแค่ไหน ความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ดื่มเริ่มต้นตั้งแต่หยดแรกของการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด สิ่งเดียวที่เราสามารถพูดได้อย่างแน่นอนคือ ยิ่งคุณดื่มมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ ยิ่งคุณดื่มน้อยเท่าไร ก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ครับ

ในบรรดาประเทศสมาชิกขององค์การอนามัยโลก จำนวน 47 ประเทศ ที่มีฉลากคำเตือนเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ มีเพียงประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น ที่กำหนดให้ต้องมีคำเตือนมะเร็งบนภาชนะบรรจุแอลกอฮอล์

อ้างอิงข้อมูลจาก: https://www.who.int/.../04-01-2023-no-level-of-alcohol...

เรียบเรียงโดย: รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี #หมอหมูวีระศักดิ์ #ตีแผ่ทุกความจริงด้วยวิทยาศาสตร์

ปล. ข้อมูลทั้งหมดที่ผมนำเสนอมีการอ้างอิงแหล่งที่มาชัดเจน และผมได้พยายามอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ แต่บางครั้งอาจมีการโต้แย้งในข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องปกติในแวดวงวิชาการ ดังนั้นจึงขอเรียนทุกท่านว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความของผม และควรหาข้อมูลเพื่มเติมเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง ด้วยนะครับ