หมายเหตุ : บทความนี้เดิมชื่อ“คนรุ่นใหม่ – จิตสำนึกใหม่ กับการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยสู่ยุคใหม่” แต่ได้รับการปรับเนื้อหาเพื่อให้เข้ากับพื้นที่ของฉบับพิมพ์
“สังคมปัจจุบันต่างจากสังคมโบราณโดยสิ้นเชิง” ที่เชื่อมโยงยาวไกลหลายมิติอย่างซับซ้อน เป็นระบบซับซ้อน (Complexity system) ที่มีคุณสมบัติใหม่ต่างจากเก่า เข้าใจยาก พยากรณ์ไม่ได้ควบคุมไม่ได้ โกลาหลง่าย พลิกผันโดยรวดเร็ว เครื่องมือเก่าๆ ใช้ไม่ได้ผล “คนรุ่นใหม่จึงไม่พอใจสถาบันเก่าๆ ของสังคม และต้องการการเปลี่ยนแปลง” กลายเป็นความขัดแย้งในลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะการประท้วง
“แต่วิกฤตความซับซ้อนนั้นยากเกินกว่าแค่การประท้วง หรือการเลือกตั้งพรรคของคนรุ่นใหม่จะได้ผล” เพราะทุกฝ่ายต่างทำไปด้วยจิตสำนึกเก่าเดียวกัน “จิตสำนึกเก่าเป็นต้นเหตุแห่งวิกฤตโลกในปัจจุบัน” การใช้เหตุของปัญหามาแก้ปัญหาไม่มีทางสำเร็จ การรักษาตามอาการประดุจใช้ยาพาราเซตามอลมารักษาโรคร้ายจึงไม่มีทางสำเร็จ แม้จะเหนื่อยยากด้วยกันทุกฝ่ายสักเพียงใด จึงจำเป็นต้องเข้าใจสมุฏฐานของวิกฤตอารยธรรมโลกในปัจจุบัน และแก้ที่ต้นเหตุ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนยุคของมนุษยชาติ
“อารยธรรมปัจจุบันได้นำโลกมาสู่การเสียสมดุลหมดทุกมิติ” ตั้งแต่ธรรมชาติแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ตลอดจนการเสียสมดุลในตัวมนุษย์เอง การเสียสมดุล คือ การป่วย ความสมดุลทำให้สงบสุข หรือสุขภาพดีและยั่งยืน การเสียสมดุลทุกชนิดทำให้ปั่นป่วน วุ่นวาย รุนแรง วิกฤต และไม่ยั่งยืน ดังที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในโลก ความไม่ยั่งยืนและการใช้สันติภาพ หรือความรุนแรงในรูปต่างๆ รวมทั้งความรุนแรงแบบโจ่งแจ้ง และความรุนแรงแบบเงียบ (Silent violence) เช่น ความยากจน และความไม่เป็นธรรมทางสังคม
“นักปราชญ์หลายท่านเห็นว่าวิกฤตอารยธรรมโลกขณะนี้ไม่มีทางแก้ไขด้วยวิธีคิดเก่า” เช่น Laslo, Grof และ Russell มีทางเดียวคือ ปฏิวัติจิตสำนึก (Consciousness Revolution)อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า เราต้องการวิธีคิดใหม่โดยสิ้นเชิง ถ้ามนุษย์จะอยู่รอดได้ (We shall need a radically new manner of thinking, if mankind) “โลกทัศน์ วิธีคิด จิตสำนึก เป็นตัวกำหนดอารยธรรมหนึ่งๆ” โลกทัศน์ หรือ การรับรู้โลกว่าเป็นอย่างไร กำหนดวิธีคิดและจิตสำนึก
“วิธีคิดและจิตสำนึกอะไร ที่นำมาสู่วิกฤตการณ์ของโลกในปัจจุบัน?” การรู้เห็นแบบแยกส่วนก็เหมือน “ตาบอดคลำช้าง” เพราะตาบอดจึงไม่เห็นทั้งหมด คลำรู้ช้างเป็นส่วนๆ ซึ่งไม่ตรงกันเลยทะเลาะกันใหญ่ ถ้าตาไม่บอดเห็นทั้งหมด หรือเห็นช้างทั้งตัว ก็ไม่มีอะไรจะทะเลาะกัน เพราะส่วนต่างเป็นของช้างตัวเดียวกัน “การเห็นแบบแยกส่วนทำให้คิดแบบแยกส่วน” แบ่งข้างแบ่งขั้ว เป็นปฏิปักษ์ขัดแย้งกัน และความรุนแรง การขัดแย้งระหว่างฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวาอย่างน่าอเนจอนาถ ก็เกิดจากการเห็นแบบแยกส่วนแบบตาบอดคลำช้าง
ถ้าเห็นทั้งหมดเป็นองค์รวมหนึ่งเดียวกัน เช่น คนที่สมบูรณ์ต้องมีทั้งแขนซ้ายและแขนขวา เครื่องบินจะบินได้ก็ต้องมีทั้งปีกซ้ายและปีกขวา เพราะฉะนั้น “การเห็นทั้งหมดเป็นองค์รวมหนึ่งเดียวกัน (Oneness)” จึงสำคัญมากต่อการออกจากยุควิกฤตในปัจจุบัน การคิดและทำแบบแยกส่วนนำไปสู่การเสียสมดุลอย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น ร่างกายมนุษย์ของตัวท่านเอง ของคนทุกคน เป็นระบบที่วิจิตรที่สุดในจักรวาลที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา
ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์เป็นล้านๆ เซลล์ และมีความหลากหลายสุดประมาณ ตั้งแต่เซลล์หัวแม่เท้าไปจนถึงเซลล์สมอง แต่ท่ามกลางความหลากหลายสุดประมาณนี้มีบูรณภาพอย่างสมบูรณ์เป็นองค์รวมเดียวกัน คือ ความเป็นคน ความเป็นองค์รวมมีคุณสมบัติใหม่อันมหัศจรรย์ ความเป็นคนมีคุณสมบัติใหม่ที่ไม่ใช่คุณสมบัติของส่วนย่อย คือ เซลล์ หรือเครื่องบินที่เป็นองค์รวมบินได้ แต่ไม่มีชิ้นส่วนใดที่บินได้เลย “ถ้าเราต้องการประเทศไทยยุคใหม่ที่บินได้ จึงต้องพัฒนาอย่างบูรณาการ
สู่องค์รวมประเทศไทย” ไม่ใช่พัฒนาแบบแยกส่วนดังที่ผ่านมา
“สมองมนุษย์ประกอบด้วย 3 ส่วน” คือ 1.สมองส่วนหลัง (อยู่ตรงท้ายทอย) เป็นสมองสัตว์เลื้อยคลาน 2.สมองส่วนกลาง เป็นสมองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และ 3.สมองส่วนหน้า เป็นสมองมนุษย์ อย่างไรก็ตาม “สมองมนุษย์ถูกโปรแกรมมาตั้งแต่ช่วงยุคดึกดำบรรพ์อันยาวนาน นั่นคือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดท่ามกลางภัยรอบตัว” นั่นคือ ต่อสู้ แย่งชิง หลบภัย หลอกลวง โดยใช้สมองส่วนหลัง ที่เรียกว่าสมองสัตว์เลื้อยคลาน
“มนุษย์ปัจจุบันถึงแม้จะเจริญด้วยความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ แต่จิตสำนึกเดิมยังอยู่” ซึ่งเป็นจิตเล็กเห็นแบบแยกส่วน แต่สังคมมีประชากรมากขึ้นและเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกัน ไม่ใช่สังคมชนิดเป็นคนป่าล่าสัตว์ อยู่แยกเป็นกลุ่มเล็ก “จิตสำนึกเก่าแต่สังคมใหม่จึงไม่เข้ากัน นำไปสู่การกระทบกระทั่ง ขัดแย้ง และรุนแรง” เป็นวิกฤตอารยธรรมโลกในปัจจุบัน ฉะนั้น “คนไทยที่จิกตีกันเหมือนไก่อยู่ในเข่ง” ถึงจะจิกตีกันเท่าใดก็จะออกจากเข่งไม่ได้ ถูกเชือดตายหมดทุกตัว น่าจะหันมาสนใจเรื่อง “จิตสำนึกใหม่”
เพราะจิตสำนึกใหม่จะพาคนไทยทั้งหมดออกจากเข่ง
“มนุษย์มีสมองส่วนหน้าที่พอกใหญ่ และส่วนหน้าสุดที่อยู่หลังหน้าผาก มีหน้าที่เกี่ยวกับสติปัญญา วิจารณญาณศีลธรรม และการบรรลุธรรม” เป็นสมองมนุษย์ที่มีจิตใจสูง รอให้มนุษย์ใช้มา 2 แสนปีแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่สมองส่วนหลังไม่สามารถพามนุษย์ให้อยู่รอดในสังคมแบบใหม่ที่ไม่ใช่ยุคดึกดำบรรพ์ ต้องเปลี่ยนโปรแกรมสมองมาใช้สมองส่วนหน้าหลังหน้าผาก
“จิตสำนึกใหม่เป็นจิตใหญ่ ที่เห็นทั้งหมดและคำนึงถึงการอยู่ร่วมกัน” มีตัวอย่างที่กระตุกให้เข้าใจ มนุษย์อวกาศชื่อ Edgar Mitchell ยืนอยู่บนดวงจันทร์มองมาเห็นโลกทั้งใบ ลอยฟ่องอยู่ในอวกาศ เขากล่าวว่า “I came back to Earth, a totally changed man” เขากลายเป็นคนใหม่โดยสิ้นเชิง ใหม่อย่างไรคือ กลายเป็นคนที่มีความสุขอย่างลึกซึ้งในเนื้อในตัว เห็นอะไรก็งามไปหมด เกิดไมตรีจิตอันไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสิ่งนี่คืออาการของจิตสำนึกใหม่ ที่เปลี่ยนจากจิตเล็กเป็นจิตใหญ่
“ตามปกติปุถุชนติดอยู่ในอัตตาหรือตัวตน” ซึ่งคับแคบ แยกส่วน บีบคั้น ไม่เห็นทั้งหมด เมื่ออยู่บนโลกก็เห็นอะไรแบบแยกส่วน รู้แบบแยกส่วน เหมือนตาบอดคลำช้าง เมื่ออยู่บนดวงจันทร์มองเห็นโลกทั้งใบเป็นองค์รวมหนึ่งเดียวกัน จิตก็หลุดจากความคับแคบเหมือนติดคุกอยู่ในอัตตา เป็นอิสระเพราะสัมผัสความจริงตามธรรมชาติ ทำให้เกิดความสุขอันลึกล้ำ ความงาม และไมตรีจิตดังกล่าวนั่นเพราะในสิ่งสูงสุด ความจริง ความดี ความงาม อยู่ที่เดียวกัน การรู้ความจริงทำให้เกิดความสุข ความดีคือไมตรีจิตอันไพศาล และความงามซึ่งมีอยู่ในทุกสิ่งถูกรับรู้ด้วยจิตที่สงบ
จิตสำนึกใหม่ ไม่ใช่ความลำบากตรงข้ามกัน ความเป็นอิสระ ความสุข ความรัก ความงาม เป็นไปเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล!!!
ศ.(เกียรติคุณ) นพ.ประเวศ วะสี
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี