ขุดพบ‘ใบเสมา’โบราณที่บุรีรัมย์ คาดเป็นศิลปะ‘สมัยทวารวดี’ ชาวบ้านเชื่อศักดิ์สิทธิ์
15 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ทำการขุดค้นศึกษาแหล่งโบราณคดีโนนสำโรง บ้านปะเคียบ ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ในโครงการศึกษาและกำหนดอายุแหล่งโบราณคดี ประเภทใบเสมาในวัฒนธรรมทวารวดี
ทั้งนี้ การขุดค้นมีขึ้นเมื่อวันที่ 14 มี.ค.67 เจ้าหน้าที่พบใบเสมาสมัยทวารวดีสภาพสมบูรณ์ และยังอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่มีการเคลื่อนย้าย 8 ใบ พบชิ้นส่วนภาชนะดินเผาที่ใช้ในการดำรงชีวิต รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมความเชื่อของคนสมัยก่อนด้วย จากหลักฐานที่พบจึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นชุมชนโบราณที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 - 16
จากข้อมูลพบว่าในหมู่บ้านปะเคียบ หมู่ 1 และบ้านหลักเมือง หมู่ 16 ต.ปะเคียบ มีการค้นพบใบเสมาโบราณกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ 80 - 90 ใบ ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ แต่บางส่วนได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ตามวัดบ้าง ศาลากลางบ้าง แต่ยังคงมีพื้นที่โนนสำโรงแห่งนี้ที่ใบเสมายังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่มีการเคลื่อนย้ายออก ทางสำนักศิลปากรที่ 10 จึงได้ทำโครงการขุดค้นครั้งนี้ เพื่อศึกษาและกำหนดอายุแหล่งโบราณคดีโนนสำโรงแห่งนี้ โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บตัวอย่างดินและภาชนะดินเผาที่ขุดพบบางส่วนไปตรวจหาค่าทางวิทยาศาสตร์ เพื่อกำหนดอายุสมัยแหล่งโบราณคดีให้มีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้ที่เดิม แล้วทำการปิดหลุม ให้ชุมชนร่วมกันดูแลอนุรักษ์
ขณะที่ชาวบ้านผู้สูงอายุที่ทราบข่าวก็ได้มาจุดธูปเทียนกราบไหว้ขอโชคลาภ และนำภาชนะใส่น้ำจากหลุมที่ขุดค้น เพื่อนำไปบูชา และทาตามร่างกาย เพราะเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
นายกิตติพงษ์ สนเล็ก ผอ.กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมศิลปากรเคยมาสำรวจพื้นที่โนนสำโรง บ้านปะเคียบ หมู่ 1 และบ้านหลักเมือง หมู่ 16 ต.ปะเคียบ เมื่อปี 2532 และเคยมีรายงานที่บันทึกไว้ว่าพบคูเมืองโบราณ และใบเสมามากถึง 80 - 90 ใบ ถือว่าเยอะมากหากเทียบกับแหล่งโบราณคดีอื่นๆจะค้นพบเพียง 30 - 40 ใบเท่านั้น และที่อื่นมีการเคลื่อนย้ายไปไว้ตามสถานที่ต่างๆ แต่ที่โนนสำโรงแห่งนี้ยังอยู่ตำแหน่งเดิม และสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ จึงเชื่อว่าเป็นชุมชนโบราณสมัยทวารวดี ซึ่งการขุดค้นครั้งนี้เพื่อกำหนดค่าอายุแหล่งโบราณคดีให้เกิดความชัดเจน และยังได้ศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมของคนสมัยโบราณด้วย
ด้านนายอำนาจ ควินรัมย์ ผู้ใหญ่บ้าน (ผญบ.) หมู่ 1 บ้านปะเคียบ กล่าวว่า จุดที่ทำการขุดค้นเป็นพื้นที่ของนางสอน พอกแก้ว อายุ 67 ปี แต่ที่ผ่านมาจะมีสภาพรกร้าง ไม่มีใครกล้าเข้ามา เพราะจากคำบอกเล่าแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาสำรวจในพื้นที่แห่งนี้ ก็จะเจอกับเรื่องลี้ลับที่มองไม่เห็นต้องทำพิธีขอขมา ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านก็เชื่อว่าพื้นที่ตรงนี้ศักดิ์สิทธิ์ ในส่วนของผู้นำชุมชนก็จะขอความร่วมมือให้ชาวบ้านร่วมกับดูแลอนุรักษ์
ขณะที่นางสะอาด แดงศรีบัว หนึ่งในชาวบ้านที่มากราบไหว้และนำภาชนะมาใส่น้ำจากหลุมที่มีการขุดค้นโบราณคดี กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวว่ามีชาวบ้านนำน้ำจากหลุมที่ขุดค้นไปทาแล้วอาการปวดขัดที่ขาดีขึ้น จึงนำภาชนะมาใส่ไปบูชาและทาตามร่างกาย เพราะเชื่อว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ จากที่ผ่านมาไม่กล้าเข้ามาในพื้นที่นี้เลย เพราะมีเด็กเคยเข้ามาเอารังต่อในที่แห่งนี้ แล้วไปปัสสาวะ จนโดนเหมือนมีใครตบศีรษะอย่างแรงจนล้ม จึงเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่แห่งนี้ ////-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี