“ประเทศนี้สีเทา” คำพูดนี้ไม่เกินจริง เห็นได้จากนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มีการเดินหน้าปลดล็อกธุรกิจสีเทาหลายๆ อย่าง ทั้งกาสิโนถูกกฎหมาย เรื่องกัญชาทางการแพทย์ ที่ยังคงมีช่องว่างในการกำกับดูแลการใช้สันทนาการ และความพยายามคลายล็อกการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้าทางกลุ่มนายทุน ทั้งๆ ที่มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่สินค้าปกติ แต่เป็นสินค้าที่สร้างผลกระทบรอบด้านทั้งต่อสุขภาพของผู้ดื่ม ปัญหาในครอบครัว ปัญหาสังคม สุดท้ายแล้วเงินภาษีที่ได้จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป
แต่ถึงเป็นเช่นนั้น รัฐบาลยังคงเดินหน้าต่อ เริ่มไฟเขียวนำร่องเปิดผับ บาร์ ได้ถึงตีสี่ ตัวเลขออกมาชัดเจนว่า ทำให้อุบัติเหตุทางในพื้นที่นำร่องเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จนแม้แต่รัฐบาลเจ้าของนโยบายยังไม่กล้าเอ่ยถึงตัวเลขความเสียหาย ในทางกลับกัน ทำเป็นขยิบตาตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาอีกรอบ เพื่อซัพพอร์ตการเดินหน้าขยายพื้นที่เปิดบริการ รวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎหมาย กฎระเบียบเรื่องช่วงเวลาขายน้ำเมากันใหม่แบบนันสต็อป
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ทุกอย่างยังไม่นับว่าสายเกินไป ในการที่จะคิดให้รอบคอบ คิดถึงผลกระทบความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน ซึ่งจะโยงใยไปถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศตามมา
ดังนั้น สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพประชาชน เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน และมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัวไม่ละความพยายามที่จะส่งเสียงถึงรัฐบาล จึงได้จัดเวทีระดมความคิดเห็นต่อกรณี “การขยายเวลาเปิดสถานบริการ ร้านเหล้าผับบาร์ ตลอดจนความพยายามลดทอนมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของภาครัฐ” เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา
อดิศร แก้วเล็ก รองประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ได้ย้ำถึงเรื่องนี้ ว่า การที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้สถานบริการที่ตั้งอยู่ในโรงแรมและสถานบริการในกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดบริการได้ถึง 04.00 น. โดยอ้างว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเพิ่มขึ้น และให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายกำหนดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารทั่วไป ให้สอดคล้องกับเวลาเปิด-ปิดสถานเหล่านั้น พร้อมทั้งคณะกรรมการนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ได้ตั้งคณะทำงานศึกษาผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว
ล่าสุด รัฐบาลมีนโยบายผ่อนปรน ลดทอนการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมาย ซึ่งหากขยายเวลาเพิ่ม จะส่งผลกระทบมากขึ้นเท่าตัว ประเทศก็จะรับความเสียหาย
เสียงบประมาณในการดูแลรักษามหาศาล ไม่นับรวมค่าเสียโอกาสจากการทำงานและอื่นๆ ซึ่งประมาณการความสูญเสียไม่ได้ จึงเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ทางเครือข่ายจึงต้องการให้รัฐบาลทบทวนและพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาให้มากทั้งต่อบุคคล ครอบครัว เศรษฐกิจ สังคม ประเทศชาติ
ทั้งนี้ ที่ประชุมระดมความคิดเห็น มีความห่วงใยและมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้ 1.ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึงเวลา 04.00 น. ในสถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่อง และสถานที่อื่นตามเป้าหมายของรัฐบาล รัฐบาลควรเร่งทบทวนหาข้อสรุปถึงผลได้ผลเสียที่เกิดขึ้นในพื้นที่นำร่องเหล่านั้น เพื่อนำมาสู่การทบทวนและคงข้อจำกัดเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมาย ตามเดิม
2.ขอให้รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มโทษคนดื่มแล้วขับโดยเฉพาะกรณีที่มีการเสียชีวิต ให้ผู้ก่อเหตุได้ติดคุกจริง บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด ไม่ยกเว้นทุกกรณี ไม่รอลงอาญา และมีมาตรการป้องกันการทุจริตจากเจ้าหน้าที่รัฐ
3.ขอให้การแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 พิจารณาไม่ให้มีการโฆษณา รวมถึงตราเสมือน ไม่ให้ขายผ่านทางออนไลน์ เพิ่มบทลงโทษการขายให้เด็กและคนเมาขาดสติ ให้ผู้ประกอบการมีส่วนร่วมรับผิดชอบ กรณีขายให้คนเมาขาดสติหรือเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี แล้วไปเกิดอุบัติเหตุ และระบุผลกระทบให้ชัดเจนบนฉลากผลิตภัณฑ์
4.ขอคัดค้านข้อเสนอให้ขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานศึกษา และสถานที่ราชการและขอเรียกร้องให้เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รอบสถานศึกษา
5.ขอให้รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการปกป้องเด็กและเยาวชน จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ส่งกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการเจริญเติบโตที่ดีของเด็กและเยาวชน ตลอดจนรับฟังเสียงของเด็กและเยาวชนอย่างจริงจัง
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ หวังเพียงรัฐบาลรับฟังด้วยใจจริง และนำไปประกอบการพิจารณาในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงบวก และมีความยั่งยืนสำหรับคนไทยทุกคน ไม่ใช่เศรษฐกิจของนายทุนเพียงฝ่ายเดียว ปลดป้าย “ประเทศนี้สีเทา” ออกไปเสียที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี