วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat  วิเคราะห์การระบาดของไทย ข้อมูลสัปดาห์ล่าสุด 20-27 กรกฎาคม 2024 จำนวนผู้ป่วยนอนรพ. 928 ราย เสียชีวิต 2 ราย ปอดอักเสบ 513 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 223 ราย เทียบกับสัปดาห์ก่อน ป่วยนอนรพ.เพิ่มเล็กน้อยราว 13% ตายลดลง 33.3% ปอดอักเสบลดลง 13% และใส่ท่อช่วยหายใจลดลง 19% คาดประมาณจำนวนคนติดเชื้อใหม่ต่อวันอย่างน้อย 6,629-9,207 ราย

จะเห็นได้ว่า การประเมินตามธรรมชาติของการระบาดทั่วโลกนั้นช่วยให้เราทำนายหรือคาดการณ์สถานการณ์ของเราได้แม่นยำพอสมควร ดังที่ประเมินไว้ตั้งแต่ต้นว่าเป็นขาลง แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากที่มีข่าวจากหลายแหล่งที่ตีฆ้องร้องป่าวว่าหน้าฝนจะขาขึ้นต่อเนื่องจนไปพีคในสิงหาคม ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ข้อมูลจากรายงานขององค์การอนามัยโลกล่าสุดเมื่อ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันสายพันธุ์ JN.1 นั้นตรวจพบใน 133 ประเทศทั่วโลก แต่สัดส่วนตรวจพบลดลงเหลือเพียง 30.3%

ในขณะที่ KP.3 ซึ่งเป็นลูกหลานของ JN.1 นั้น ขณะนี้ตรวจพบในสัดส่วนสูงถึง 40.3% เพิ่มขึ้นราว 2 เท่าในรอบเดือนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ส่วน LB.1 นั้นมีการตรวจพบเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่อยู่ที่ราว 7%

ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกเฝ้าระวังสายพันธุ์ของโควิด-19 อยู่ 7 ตัว ได้แก่  Variants of Interest (VOIs): BA.2.86 และ JN.1; และ Variants under Monitoring (VUMs): JN.1.7, JN.1.18, KP.2, KP.3 และ LB.1

สำหรับไทยเรา แม้ตอนนี้ขาลงก็ตาม แต่พึงระลึกไว้ว่าโรคยังชุกชุม การฝึกให้ตนเองและครอบครัวมีพฤติกรรมป้องกันตัวตามสมควรอย่างเป็นกิจวัตร จะช่วยลดความเสี่ยงไปได้มาก 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพยายามไม่ไปคลุกคลีใกล้ชิดคนที่มีอาการป่วย ไอ จาม ปวดหัว ไข้ (Symptom awareness)

รับน้องในมหาวิทยาลัย มีโอกาสเกิดการติดเชื้อและป่วยกันเป็นกลุ่มได้

รวมถึงการจัดกิจกรรมประชุม งานเกษียณ สังสรรค์ ช่วงท้ายปีงบประมาณ ก็ควรป้องกันตัว ระแวดระวังไว้เช่นกัน