ความคืบหน้ากรณีลุงเมาคลั่งทำร้ายพยาบาลและเจ้าหน้าที่ฯ เหตุเกิดที่รพ.หนองหาน จ.อุดรธานี ล่าสุดเจอลุงเปี๊ยกคนก่อเหตุแล้ว เจ้าตัวหน้าจ๋อยขอโทษพยาบาลและเจ้าหน้าที่เหตุทำรุนแรง เปิดใจผมแค่ไปเอายาแก้หอบหืดแต่พยาบาลยัดเครื่องช่วยหายใจให้ผม ผมกลัวตายเลยต้องอาละวาด
17 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊คท่านหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวของเจ้าหน้าที่และพยาบาลของรพ.หนองหาน จ.อุดรธานี 3 คน ถูกคนไข้ทำร้ายร่างกาย ขณะที่คนไข้รายนี้มีอาการเมาและมีโรคหอบหืดด้วยเข้ารับการรักษาพยาบาลในห้องไอซียูซึ่งผู้ป่วยมีอาการหนัก ทางพยาบาลได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ สายให้อาหาร (NG tube ) สายสวนปัสสาวะและสายน้ำเกลือ
แต่ปรากฏว่าหนุ่มรายนี้มีอาการคลั่งที่เกิดจากความเมาแล้วโวยวาย พยายามถอดเครื่องหายใจออกและสายอื่นๆออก พยาบาลได้ไปขอร้องให้ใส่ไว้ไม่งั้นจะหายใจลำบาก แต่ปรากฏว่าหนุ่มรายนี้โวยวายลุกจากเตียง พยาบาลก็เข้าไปขอร้องแต่ถูกหนุ่มรายนี้ ใช้ทั้งเท้าและหมัดรัวใส่พยาบาลและผู้พยาบาลจนหน้าหงาย ทั้งเตะทั้งถีบใบหนาและหน้าอก เหตุเกิดเมื่อหกทุ่มของคืนวันที่ 16 มี.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ชุลมุนทั้งเจ้าหน้าที่ฯและรปภ.โรงพยาบาลต้องช่วยกันถึง 7 คนสยบหนุ่มคลั่งได้ โดยผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือนายทองลี อายุ 60 ปี ชาว ต.พังงู อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้พบกับนายทองลี หรือลุงเปี๊ยก คนก่อเหตุที่คลั่งทำร้ายพยาบาลและเจ้าหน้าที่ รพ.หนองหาน ลุงเปี๊ยกเปิดใจว่า เรื่องที่เกิดขึ้นผมเป็นโรคหอบหืด ยาหมด เลยเรียกกู้ชีพ อบต.พังงู เพื่อไปรับยาที่รพ.หนองหาน แต่ปรากฏว่ารถฉุกเฉินรพ.มารับ
'ผมก็บอกไปว่าผมอาการไม่หนักแค่อยากไปรับยา แต่เจ้าหน้าที่พาผมไปห้องไอซียู ผมก็บอกพยาบาลนะ อาการผมไม่หนักนะแค่ผมจะมารับยาเท่านั้น ย้ำแล้วย้ำเล่าว แต่พยาบาลยังดันแหย่เครื่องช่วยหายใจที่คอผม ผมก็เลยกลัว จึงฟึดฟัดไม่ยอม และพยายามลุกจากเตียง ใช้มือเท้าฟาดไปทั่วเพราะกลัวตายจริงๆ ยอมรับถีบหน้าอกพยาบาลหลายคนและยอมรับอีกว่าผมก็เมาด้วยเช่นกัน กินในงานบุญที่บ้าน เรื่องที่เกิดขึ้นผมก็อยากขอโทษพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคน อาจจะสื่อสารกันผิด ผมแค่อยากไปเอายา แต่พยาบาลเอาผมไปนอนแล้วใส่เครื่องช่วยหายใจ ทั้งๆที่ผมก็บอกแล้วว่า ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ผมขอโทษนะครับ สิ่งที่ผมทำไปเพราะผมกลัวตายโดนเครื่องช่วยหายใจแหย่คอ เพราะที่บ้าน 3 วันที่แล้วก็มีคนตายเพราะแหย่คอแล้ว 1 คน'
ส่วนนายกุชเดช อย่างสวย อายุ 51 ปี น้องชายนายทองลี บอกกับนักข่าวว่า ผมในฐานะน้องชายก็อยากจะขอโทษพยาบาลแทนพี่ชายด้วย ยอมรับวันนั้นพี่ชายดื่มเครื่องดื่มทำให้โรคหอบหืดขึ้นจึงไปหาหมอ ส่วนเรื่องทำร้ายพยาบาลและเจ้าหน้าที่ฯ ตนเองไม่รู้เพราะไปถึงก็ตี 1 เห็นเจ้าหน้าที่มัดพี่ชายกับเตียงแล้ว ก็อยากจะขอโทษพยาบาลและเจ้าหน้าที่ฯ ที่พี่ชายทำแบบนี้
ต่อมา ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผช.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้วีดีโอมาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายทองลีหรือลุงเปี๊ยก โดยลุงเปี๊ยกได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า ผมแค่ไปขอยาหอบหืด แต่พยาบาลเอาผมขึ้นเตียงยัดเครื่องช่วยหายใจ ผมกลัวตายก็เลยต้องอาละวาด แต่ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายร่างกายพยาบาลและเจ้าหน้าที่ฯ แค่อยากจะลุกหนีจากเตียงเท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นผมขอโทษนะครับ จากนั้น ดร.ธนกฤตได้แนะนำให้ลุงเปี๊ยกไปพบกับนายแพทย์สาธารณสุขอุดรธานีเพื่อให้ไปอธิบายให้ทางนายแพทย์ฯ ฟังว่าทำไมถึงก่อเหตุเช่นนี้
ขณะที่น.ส.หนิง (นามสมมติ) อายุ 26 ปี พยาบาลผู้เสียหายที่ถูกถีบหน้าอกและใบหน้า เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นหนูก็กลัวเคยเห็นแต่ข่าวแต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตนเอง วันนั้นผู้ป่วยมีอาการหนักเป็นโรคหอบหืดจึงต้องนำเครื่องช่วยหายใจสายให้อาหาร (NG tube) สายสวนปัสสาวะและสายน้ำเกลือ แต่ปรากฏว่าลุงท่านนี้มีอาการคลั่งที่เกิดจากความเมาแล้วโวยวายพยายามถอดเครื่องหายใจออกและสายอื่นๆออก พยาบาลได้ไปขอร้องให้ใส่ไว้ไม่งั้นจะหายใจลำบาก แต่ปรากฏว่าลุงโวยวายพยายามลุกจากเตียง พยาบาลก็เข้าไปขอร้องแต่ถูกลุงใช้ทั้งเท้าและหมัดรัวใส่พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลบาดเจ็บ 3 คน อาการบาดเจ็บตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่ยังบวมอยู่ พวกเราก็อยากให้คนไข้เข้าใจ ไม่อยากให้เรื่องเกิดขึ้นแบบนี้ ส่วนเรื่องแจ้งความหรือไม่นั้น รอผู้บริหารตัดสินอีกทีหนึ่ง
.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี