คณะสงฆ์โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดาเข้าศึกษา 'วัดพระเชตวันมหาวิหาร' อินเดีย

คณะสงฆ์โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดาเข้าศึกษา 'วัดพระเชตวันมหาวิหาร' อินเดีย

วันพุธ ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2568, 18.11 น.

คณะสงฆ์โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 11 เข้าศึกษา 'วัดพระเชตวันมหาวิหาร' ประเทศอินเดีย

“พระครูธีรธรรมปราโมทย์” (หลวงพ่อสำเริง ธมฺมธีโร) เจ้าอาวาส วัดดอยเทพนิมิต ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย และ ในฐานะประธาน “โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล ครั้งที่ 11” ได้นำคณะสงฆ์จาริกธรรมฯเดินทางมาศึกษา ณ วัดพระเชตวันมหาวิหาร เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2568 นับเป็นวันที่ 40 ของการเดินจาริกธรรมในประเทศอินเดีย


สำหรับ “วัดพระเชตวันมหาวิหาร” เป็นวัดที่สร้างโดยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี โดยซื้อมาจากเจ้าเชต เจ้าชายแห่งราชวงศ์โกศลแห่งเมืองสาวัตถี

การสร้างวัดพระเชตวันมหาวิหารในครั้งนั้นใช้เงินไป 18 โกฏิ ใช้เงินในการฉลองวัดอีก 18 โกฏิ รวมที่ซื้อที่ดินด้วยเป็นเงิน 54 โกฏิ หรือ 540 ล้านบาท

ในวิกีพีเดียระบุว่า เดิมวัดเชตวันเป็นพระราชอุทยานสำหรับเสด็จประพาสของเจ้าเชต เจ้าชายในราชวงศ์โกศลแห่งเมืองสาวัตถี เป็นพระราชอุทยานร่มรื่นนอกตัวเมืองหลวง มีเนื้อที่ 80 ไร่ หรือราว 32 เอเคอร์

วัดเชตวันมหาวิหารมีอีกชื่อหนึ่งปรากฏในพระสูตรว่า "วัดพระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี" ที่เรียกเช่นนี้เพื่อให้ทราบว่าวัดนี้เป็นวัดที่อนาถบิณฑิกะสร้างถวายแต่ใช้ชื่อวัดของเจ้าของที่เดิม เพราะวัดแห่งนี้เดิมเป็นที่ของเจ้าเชต เจ้าของที่ดินในสมัยนั้น ซึ่งอนาถบิณฑิกะซื้อต่อมาด้วยราคาที่แพงมหาศาลถึง 18 โกฏิ โดยเจ้าเชตกำหนดให้นำเหรียญทองมาปูเต็มพื้นที่ ๆ ต้องการซื้อ และต้องใช้ชื่อวัดเป็นชื่อของเจ้าเชต โดยวัดแห่งนี้อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้สร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ สิ้นเงินไปอีก 36 โกฏิ จึงทำให้การสร้างวัดแห่งนี้มีราคาถึง 54 โกฏิ

พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับจำพรรษาและบำเพ็ญพุทธกิจที่วัดพระเชตวันมหาวิหารรวมถึง 19 พรรษา นับเป็นวัดที่พระพุทธองค์ประทับจำพรรษานานที่สุด เพราะสถานที่แห่งนี้สัปปายะต่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ด้วยเมืองสาวัตถีในครั้งพุทธนั้นเป็นเมืองที่มั่งคั่ง สงบ และมีการอุปถัมภ์บำรุงเป็นอย่างดีจากพระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองแคว้นโกศล รวมทั้งอนาถบิณฑิกเศรษฐี และ ประชาชนทั้งหลายยังหมั่นมาทำบุญที่วัดแห่งนี้

“วัดพระเชตวันมหาวิหาร” เป็นสถานที่เกิดเรื่องราวและพระสูตรสำคัญ ๆ ในพระพุทธศาสนามากมาย เช่น เรื่องของพระองคุลิมาล, นางปฏาจาราเถรี, พระนางกิสาโคตมีเถรี, การ ถวายอสทิสทาน (การให้ที่ไม่มีใครเสมอเหมือน), เรื่องพระพุทธองค์ทรงดูแลภิกษุไข้, พราหมณ์จูเฬกสาฏก, ทรงพยากรณ์สุบินนิมิต 16 ประการ, นางกาลียักษิณี, นางจิญมาณวิกา ถูกแผ่นดินสูบ, พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ เป็นต้น

ในส่วนพระสูตรนั้นมีจำนวนมาก ที่สำคัญ ๆ เช่น มหามงคลสูตร, ธชัคคสูตร, ทสธัมมสูตร, สาราณียธรรมสูตร, อหิราชสูตร, เมตตานสังสสูตร, คิริมานนทสูตร, ธัมมนิยามสูตร, อปัณณกสูตร, อนุตตริยสูตร, พลสูตร, มัคควิภังคสูตร, โลกธัมมสูตร, ทสนารถกรณธัมมสูตร, อัคคัปปทานสูตร, ปธานสูตร, อินทริยสูตร, อนริยสูตร และสัปปุริสธัมมสูตร โดยทั้งหมดทรงแสดง ณ วัดเชตวันแห่งนี้

วัดแห่งนี้นับว่าเป็นวัดอันเป็นฐานที่มั่นสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล และเป็นวัดที่พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษามากที่สุดถึง 19 พรรษา

ปัจจุบันวัดเชตวันมหาวิหารเหลือเพียงซากโบราณสถาน ได้รับการบูรณะจากทางราชการอินเดียเป็นอย่างดี ตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำราปติ (Rapti) หรือแม่น้ำอจิรวดีในสมัยพุทธกาล โดยวัดเชตวันมหาวิหารยังตั้งอยู่บริเวณนอกกำแพงเมืองสาวัตถีไปทางทิศใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ ตำบลสะเหต (Saheth) รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย โดยในพื้นที่มีจุดสำคัญคือ คันธกุฎี หรือ พระมูลคันธกุฎี (Mulagandhakuti หมายถึง กุฎีที่มีกลิ่นหอม) เป็นชื่อเรียกสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ หรือ เรียกชื่อเต็มว่า "พระมูลคันธกุฎี" ในพุทธประวัติ เล่าว่าสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าทุกแห่งจะมีผู้นำของหอมนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นไม้หอม ดอกไม้หอมมาบูชาพระพุทธเจ้ามิได้ขาด

ในพื้นที่วัดพระเชตวันฯยังมีกุฎีของพระสีวลี และ พระสังกัจจายน์ รวมทั้งพื้นที่สำคัญคือ บริเวณต้นอานันทโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นโพธิ์ที่พระอานนท์นำเมล็ดโพธิ์มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธคยา โดยสันนิษฐานว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปลูกด้วยพระหัตถ์ของพระองค์

เมื่อใครที่มาถึง “วัดพระเชตวันมหาวิหาร” อาจสงสัยว่า เรื่องราวต่างๆมากมายในพระสูตร ทำไมปรากฎเหลือแต่ซากอิฐ แล้วทราบกันได้อย่างไรว่า ตรงไหนคือกุฏิของท่านใด ซึ่งมีการสันนิษฐานว่า ซากอิฐที่เห็นเป็นเพียงร่องรอยของบริเวณด้านบน หรือ หลังคาของวัดเท่านั้น ส่วนพื้นที่จริงสันนิษฐานว่าน่าจะลึกลงไปใต้พื้นดินอีกมาก

ก่อนหน้าที่พระสงฆ์ในโครงการจาริกธรรมฯจะเดินทางถึงเมืองสาวัตถี ได้เข้าพักจาริกธรรมยัง “วัดไทยสารนาถ” เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2568 ถึง ช่วงเช้าวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2568

ล่าสุดในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2568 คณะสงฆ์พร้อมด้วยอุบาสกและอุบาสิกากำลังเดินทางจาริกธรรมมุ่งหน้าไปยังประเทศเนปาล เพื่อไปจาริกธรรมยังลุมพินีสถาน สถานที่ประสูติ หนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน 

ท่านสามารถร่วมทำบุญกับโครงการจาริกธรรมฯได้ ด้วยการร่วมเป็นกองทัพหนุน ทำบุญถวายภัตตาหาร น้ำปานะ ค่ายานพาหนะในการเดินทาง ถวายบริขารพระ (เช่น ผ้าต่างๆ สบู่ ยาสีฟัน แชมพู และใบมีดโกน เป็นต้น) สามารถโอนเงิน ผ่าน ธ.ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 922-200865-0 ชื่อบัญชี กองทุนวัดดอยเทพนิมิตร

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top