'หลวงพ่อสำเริง'นำพระสงฆ์​จาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา​ถึงวัดโคตมีนันส์​ ​​เนปาล​

'หลวงพ่อสำเริง'นำพระสงฆ์​จาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา​ถึงวัดโคตมีนันส์​ ​​เนปาล​

วันศุกร์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2568, 17.44 น.

'หลวงพ่อสำเริง ธมฺม​ธีโร'นำพระสงฆ์​จาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา​ ครั้งที่​ 11​ ถึงวัดโคตมีนันส์​ ​ประเทศ​เนปาล​

"พระครู​ธีรธรรมปราโมทย์" หรือ​ "หลวงพ่อสำเริง​ ธมฺม​ธีโร" เจ้าอาวาส​ วัดดอยเทพนิมิต​ ต.ป่าซาง​ อ.แม่จัน​ จ.เชียงราย​ และ​ในฐานะประธาน​โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา​ ​อินเดีย​-เนปาล​ ครั้งที่​ 11​ ได้นำคณะสงฆ์​ไทยและลาว​ พร้อมด้วยอุบาสกและอุบาสิกา​ เดินทางจาริกธรรรมเข้าศึกษา​ ณ​ ลุมพินีสถาน​ เมืองลุมพินี ประเทศ​เนปาล​ ​เมื่อวันที่​ 20​ มีนาคม​ พ.ศ.2568​ซึ่งลุมพินีสถานเป็นหนึ่งในสี่สังเวชนียสถานในแดนพุทธภูมิ​ โดยเป็น​สถานที่ประสูติ​ของเจ้าชายสิทธัตถะกุมาร​ ซึ่งต่อมาคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ​เจ้า​ มหาศาสดาโลก​


ก่อนที่คณะสงฆ์​ในโครงการจาริกธรรมฯจะเดินทางถึงลุมพินีสถานได้เข้าพักที่วัดโคตมีนันส์​ (Gautami Nuns Temple)ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเนปาล​ โดยมีแม่ชีเขมานำศรัทธา​ญาติโยมถวายภัตตาหารเช้า​ ซึ่งในโอกาสดังกล่าว​ มีผู้ร่วมบุญ​ อาทิเช่น​ พระมหาธนวัฒน์​ จารุวณฺโณ​ (ป.ธ.9)​ วัดมหาธาตุยุ​ว​ราษฎร์​รังสฤษฎิ์, พระปลัดสงกรานต์​ สิริปญฺโญ​ พระเจ้าอาวาสวัดกาดใต้​ จ.ลำปาง​ พระธรรมฑูตสายต่างประเทศ​ และญาติโยมในประเทศอังกฤษ​ถวายปัจจัยค่าอาหาร​ 5,000 บาท​ พร้อมถวายข้าวมธุปายาสแด่พระภิกษุสงฆ์​ในโครงการจาริกธรรมฯ​

ทั้งนี้​ หลวงพ่อสำเริง​ ธมฺมธีโร​ ในฐานะประธาน​โครงการจาริกธรรมฯได้ให้โอวาทธรรมแด่พระภิกษุ,แม่ชี อุบาสกและอุบาสิกา​ ในโครงการช่วงเช้าวันที่​ 21​มีนาคม​พ.ศ.2568​ ดังนี้​

"พูดเรื่องบารมี​ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย​ เมื่อใครทำแล้วก็ได้เหมือนกัน​ แต่ความพิเศษในเรื่องเพศ​ เพศที่พิเศษคืออุดมเพศ​ เพศที่พิเศษ​ เราก็จะได้ไปเหมือนกับผู้อุปถัมภ์​โครงการของพระอาจารย์​จรัญ​คือ​ แม่ชีทศพร​ แม่ชีก็ได้บำเพ็ญบุญ​

ส่วนวัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียง​ คือ​ เจ้าของวัดมีชื่อเสียงอยู่ในเมืองกาฐมาณฑุ​ ท่านอายุ​ 90 กว่า​ ก็ได้นิมนต์​ไปฉันข้าวด้วย​ เป็นอาจารย์​ของเขมาเขา​ เมืองนี้ศรัทธา​คุรุมาก​ ที่ไปบวชกันมาสัก​6​-7​องค์​ ก็ไปบวชกันที่พม่า​ แต่ก่อนไม่มีด่านแบบนี้ ไม่มีทางรถ  ก็อาศัยกันเดินกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน​

เมื่อเขาได้บวชกันกลับเข้ามา​ พระพุทธศาสนาก็เริ่มเบ่งบานในประเทศ​เนปาล​ พระพุทธศาสนาเริ่มหมดจากประเทศเนปาลประมาณสัก​ ​200​ ปี​ กษัตริย์​ของเนปาล​ต้นวงศ์​ที่เขาเพิ่งล้มเลิกไป​และกษัตริย์​เนปาลที่มารวบรวมเมืองได้​ตีเมืองได้​เป็นชนเผ่ากูรข่า​ ​รบเก่ง​ และเขาเป็นผู้เคร่งครัดศาสนาพราหมณ์​ ศาสนาพราหมณ์​ก็คือศาสนาดั้งเดิม​ ศาสนาฮินดูเป็นการปฏิรูป​ขึ้นมา​ หรือว่าจะว่าเป็นอีกนิกายหนึ่งก็ได้​ พราหมณ์​เป็นศาสนาดั้งเดิม​แต่ทุกคนก็ปฏิบัติ​แบบฮินดู​ แ

ต่ในประเทศ​เนปาลยังมีศาสนาพราหมณ์​ดั้งเดิม​ ยังมีการบูชายัญ​ เช่น​ สงกรานต์​บ้านเราเขาหยุดกัน​ อินเดียก็โฮลี​ (Holy)​ ในกลางพรรษาเขาจะหยุดกัน​ ฆ่าสัตว์​ บูชายัญต่อเทพเจ้า​ ก็มีพราหมณ์​ทำหน้าที่ฆ่าเชือด​ แล้วก็ให้เลือดพุ่งไปที่ปาก​ คนรวยจะใช้ควายฆ่าบูชายัญ​เทพเจ้า​ คนระดับกลางก็ใช้แพะ​ ใช้แกะ​ คนทั่วไปก็ใช้เป็ดไก่​ ฆ่าบูชายัญ​ บูชายัญ​จริงๆที่เราอ่านในพระไตรปิฎก​

ทุกวันนี้ก็มีฆ่าทุกวัน​ ทุกวันที่เชือด​ แล้วเขาก็ไม่ให้คนนอกศาสนาไปดูกัน​ นอกจากพวกเขา​ เพราะว่ามันเห็นแล้วมันสังเวช​ เสร็จแล้วพอเอาเลือดให้กินเสร็จ​ ก็ตัดหัวให้เทพเจ้า​ไป​ ส่วนตัวให้บุคคลเอาไปบูชาเทพเจ้า​ ใครมาบูชาก็เอาตัวไป​ใครฉลาดกว่า​ คนฉลาดกว่า​ กินแต่ตัว​หัวไม่กิน​ เวลาถึงเทศกาลก็เห็นแพะถูกจูงไปเป็นฝูง​ ถูกจูงมาจากบ้านนอกที่เขาเลี้ยง​ แล้วก็เป็ดไก่​ก็มา​ ที่ตลาดก็ซื้อกัน​ ​พอถึงวันฆ่า​ ที่เขาซื้อไปก็เงียบ​ หายเงียบ​ ตายหมด​ มีครั้งหนึ่งที่เขามีสถานที่ฆ่าบูชายัญ​ ฆ่าควาย​ เป็นล้านเลย​

ควายที่นี่น่าสงสาร​ เพราะไม่ได้เป็นเทพเจ้า​ร่างทรงอย่างที่เขาบูชา​ เพราะฉะนั้น​นมก็กิน​ เนื้อก็กิน​ ฟันคอบูชาเทพเจ้า​ เป็นที่นี่ในเนปาลก็จะบูชา​ เขาก็ถือว่าเป็นบุญของเขา​เหมือนเดิม​​ ทีนี้ความเชื่อก็ไม่มีคำว่าถูก​ ไม่มีคำว่าผิด​ กรรมเป็นผู้ตัดสิน​ ถ้าเรามาเถียงกันเรื่องปรัชญา​ ศรัทธา​ผู้คน​ มันไม่สุด​ มันไปสุดที่กรรม​ คำสอนของพระพุทธเจ้า​ที่บอกไปลงที่กรรม​ คือ​การกระทำของมนุษย​์เอง​ มนุษย์​เชื่ออะไร​ สร้างเหตุอะไรก็ได้ผลอันนั้น​ มนุษย์​สร้างผลอันนี้​ ก็ได้เหตุอันนี้​ เราสร้างเหตุดี​ก็ได้ผลดี​"

สำหรับวันที่​ 21​ มีนาคม​ พ.ศ.2568​ คณะสงฆ์​ในโครงการจาริกธรรมฯ​เดินทางเข้าศึกษาเรียนรู้​ยังกรุงกบิลพัสดุ์​ ประเทศ​เนปาล​ ซึ่งเป็นดินแดนมาตุภูมิ​ของเจ้าชายสิทธัตถะ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top