เกษตรกรวัย 58 ปีใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านและในสวนปาล์มน้ำมัน เลี้ยงผึ้งจิ๋ว หรือผึ้งชันโรงไว้กว่า 60 กล่อง โดยเดือน 5 หน้าแล้งถือว่าเป็นสุดยอดของน้ำผึ้งทุกชนิด แถมไม่เสี่ยงต่อการถูกกัดต่อยเหมือนผึ้งทั่วไป เผยปีนี้ขายน้ำผึ้งชันโรงซีซีละ 1.50 บาท มียอดสั่งจองจนผลผลิตไม่พอขาย สร้างรายได้เสริมเกือบ 100,000 บาทต่อปี
นายอับดลรักหีม อวนข้อง หรือ บังติ่ง อายุ 58 ปีใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านและในสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง เลี้ยงผึ้งจิ๋วหรือผึ้งชันโรง (ภาคใต้เรียกว่า “อุง”) ไว้ทั้งหมดกว่า 60 กล่อง ซึ่งสามารถเลี้ยงได้ทั้งในกล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดความกว้าง-ยาวเท่ากับกระดาษ A 4 หรือจะเลี้ยงไว้ในขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรก็ได้ ตราบใดที่ยังมีพ่อแม่พันธุ์ และแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ผึ้งชันโรงก็เข้าไปทำรังได้ทุกที่ ทั้งในซอกหลืบหล้งคาบ้าน ประตูหน้าต่าง ตู้ลำโพง ตู้โทรศัพท์เก่า ๆ ลังไม้ บนต้นปาล์มและอื่น ๆ แถมไม่ดุ ไม่ต่อยให้เจ็บตัวเหมือนผึ้งโพรง ผึ้งป่าหรือต่อหัวเสือ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เพียงแต่อาจจะรำคาญที่มาเกาะเส้นผม ดอมหน้าตาและเสื้อผ้าเท่านั้น
โดยผึ้งจิ๋ว หรือชันโรงที่บังติ่งเลี้ยงไว้ เป็นพันธุ์ “ขนเงิน” ออกหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ทุกชนิดที่อยู่ในอาณาบริเวณใกล้เคียง และแถวป่าชายเลนข้างบ้านเพื่อมาสร้างรัง ซึ่งใน 1 ปีสามารถเก็บน้ำผึ้งชัณโรงได้ 2-3 ครั้ง แต่ในช่วงเดือน 5 หน้าแล้ง หรือในเดือนเมษายนของทุกปี ถือว่าเป็นสุดยอดน้ำผึ้งเดือน 5 ที่ดีที่สุดแห่งปี เพราะน้ำผึ้งมีความหวานเข้มข้น หอมละมุน อมเปรี้ยวเล็กน้อยจากเกสรดอกไม้แต่ละสายพันธุ์ มีสรรพคุณทางยาสูง เป็นที่ต้องการของกลุ่มคนรักสุขภาพและลูกค้าทั่วไป จนต้องมีการสั่งจองล่วงหน้านานข้ามปีกันเลยทีเดียว
สำหรับน้ำผึ้งชันโรง 1 กล่องจะให้น้ำผึ้งประมาณ 300-400 ซีซี ขายซีซีละ 1.50 บาท โดยเคาะให้พ่อแม่พันธุ์เข้ามาอยู่ในขวด ก่อนจะยกกล่องไปตัดน้ำผึ้งชันโรงออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาคั้น กรองเอาแต่น้ำหวานเทใส่ขวด ขายตั้งแต่ขวดละ 50-500 บาทและขวดลิตรขายขวดละ 1,500 บาท โดยน้ำผึ้งชันโรงมีสรรพคุณไม่มีผลต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะมีคุณภาพน้ำตาลต่ำ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป 5-10 เท่า ช่วยให้นอนหลับสนิท กระปรี้กระเปร่า ลดความดันโลหิตสูง ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ ยับยั้งการอักเสบและช่วยให้แผลหายเร็ว มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง บรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ และยังมีแร่ธาตุอีกหลายชนิด
นอกจากนี้ บังติ่ง ยังขายกล่องเปล่าขนาดเท่ากระดาษ A 4 ราคากล่องละ 120 บาท แต่หากเป็นกล่องที่มีพ่อแม่พันธุ์ พร้อมไข่อ่อนและน้ำผึ้งอยู่แล้ว ขายกล่องละ 1,000 บาท ซึ่งแต่ละปีสามารถขายกล่องเลี้ยงชัณโรงได้ประมาณ 30-40 กล่อง ส่วนน้ำผึ้งชัณโรงขายได้ประมาณ 30,000-40,000 บาท รายได้รวมกันเกือบ 100,000 บาทต่อปี
นายอับดลรักหีม อวนข้อง หรือ บังติ่ง เกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งชันโรง อ.กันตัง จ.ตรัง กล่าวว่า ตอนนี้ขายซีซีละ 1.50 บาท ข้อดีของน้ำผึ้งชัณโรงตามงานวิจัยมันก็มีหลากหลาย ช่วยให้นอนหลับสบาย ตื่นเช้ามารู้สึกกระปรี้กระเปร่า ที่เลี้ยงไว้ตอนนี้ผึ้งจะไปกินดอกปาล์ม ดอกหมาก ดอกมะพร้าว ซึ่งบ้านของตนอยู่ติดกับป่าชายเลน ผึ้งก็ไปกินดอกไม้จากป่าชายเลนมา รสชาติหวาน อมเปรี้ยว เพราะเป็นพันธุ์ตัวเล็ก ส่วนกล่องเปล่าขายกล่องละ 120 บาทเป็นขนาด A 4
ส่วนรังที่มีแม่พันธุ์จะขายกล่องละ 1,000 บาท เป็นกล่องที่สมบูรณ์พร้อมจะแยกขยายได้ มีครบทั้งนางพญา ไข่อ่อน ไข่แก่ น้ำหวาน เกสร ครบทุกอย่าง โดยปีที่ผ่านมาขายได้ประมาณ 30-40 กล่อง ส่วนใครสนใจสามารถติดตามได้ทางเพจ/เฟซบุ๊ก : Tingaoun Kong (ติ่ง อวนข้อง) หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 084-837-9369
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี