ย้อนรอยประวัติศาสตร์ 'พระเจ้าอโศกมหาราช' กษัตริย์ผู้ทรงธรรม ปฏิรูปศาสนา ชำระล้าง 'อลัชชี' ถึง 60,000 รูป เพื่อธำรงพระธรรมวินัย
การจับสึกพระที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัย ผู้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลสจำนวนหลายรูปที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก หากย้อนหลังกลับไปในอดีตครั้งหนึ่งในสมัย "พระเจ้าอโศกมหาราช" ก็เคยมีการสั่งสึกพระเป็นจำนวนมากมาแล้ว โดยมีการกล่าวถึงตัวเลขถึง 60,000 รูป การกระทำดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัยและกำจัดพระภิกษุที่ประพฤติไม่เหมาะสม หรือที่เรียกว่า "อลัชชี" ผู้ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส สั่งสมของมัวเมาในลาภสักการะ เหลวไหลในเกียรติ เห่อเหิมและเพลิดเพลินในโลกียวัตถุ จากนั้นพระองค์ได้ทรงเป็นศาสนูปถัมภกในการสังคยานาและส่งสมณฑูตประกาศพระพุทธศาสนา
พระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์โมริยะ กษัตริย์ผู้ปกครองดินแดนอินเดีย (พ.ศ.276 - พ.ศ.312) ทรงเป็นกษัตริย์ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ทรงทำนุบำรุงศาสนาด้วยการสร้างวัด วิหาร สถูป เจดีย์ และหลักศิลาจารึกมากมาย อีกทั้งยังถวายปัจจัยสี่แก่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อให้ท่านเหล่านั้นได้บำเพ็ญสมณธรรมได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัจจัยยังชีพ
อย่างไรก็ตาม ด้วยการทำนุบำรุงดังกล่าว กลับดึงดูดให้นักบวชนอกศาสนาจำนวนมากปลอมตัวเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา เพื่อแสวงหาลาภสักการะ เมื่อบวชแล้ว พวกเขาเหล่านี้ยังคงสั่งสอนลัทธิเก่าของตน โดยอ้างว่าเป็นคำสอนของพระพุทธศาสนา ทำให้พระธรรมวินัยบิดเบือน และสร้างความแตกแยกภายในสังฆมณฑล
พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระ ผู้ซึ่งมีความแตกฉานในพระไตรปิฎก (คนละรูปกับพระมหาโมคคัลลานะเถระในสมัยพุทธกาล) รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งกับการประพฤติของเหล่าพระภิกษุปลอมปนเหล่านี้ จึงได้ปลีกตัวไปจำพรรษา ณ ถ้ำอุโธตังคบรรพต เป็นเวลา 7 ปี และมอบภารกิจคณะสงฆ์ให้พระมหินทเถระดูแลแทน
ในยุคนั้น จำนวนพระอลัชชีมีมากกว่าพระภิกษุผู้บริสุทธิ์ ทำให้การทำอุโบสถสังฆกรรมต้องหยุดชะงักไปถึง 7 ปี เนื่องจากพระสงฆ์ผู้มีศีลบริสุทธิ์ไม่ยอมร่วมสังฆกรรมกับพระอลัชชี การแตกแยกนี้สร้างความไม่สบายพระทัยแก่พระเจ้าอโศกมหาราชอย่างมาก พระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้พระสงฆ์กลับมาปรองดองกัน จึงตรัสสั่งให้อำมาตย์หาวิธีจัดการ
ด้วยความเข้าใจผิดในพระราชดำรัส อำมาตย์ได้กระทำการร้ายแรง โดยบังคับให้พระภิกษุผู้บริสุทธิ์เข้าร่วมอุโบสถกับพระอลัชชี เมื่อพระภิกษุบริสุทธิ์ปฏิเสธ อำมาตย์จึงสั่งประหารชีวิตพระภิกษุเหล่านั้นหลายรูป
เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชทรงทราบข่าว ก็ตกพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงรีบเสด็จไปขอขมาต่อพระภิกษุที่อาราม และตรัสถามว่าความผิดนี้จะตกถึงพระองค์หรือไม่ พระสงฆ์ต่างถวายคำตอบที่แตกต่างกันไป บ้างก็ว่าผิด บ้างก็ว่าไม่ผิด ทำให้พระองค์ยิ่งกระวนกระวายพระทัย ทรงปรารถนาผู้มีความรู้ความสามารถในพระธรรมวินัยมาไขข้อสงสัย เมื่อได้รับคำแนะนำว่ามีเพียงพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระเท่านั้นที่สามารถให้คำตอบที่กระจ่างได้ พระองค์จึงส่งสาส์นไปอาราธนาท่านมายังเมืองปาฏลีบุตร
แม้จะมีการอาราธนาหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล พระเจ้าอโศกฯ ก็ยังไม่ทรงย่อท้อ ทรงส่งพนักงานไปอาราธนาพระเถระทางเรือรบตามคำแนะนำของพระติสสะเถระ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระ ในที่สุด พระเถระก็ยอมเดินทางมา
เมื่อพระเถระเดินทางมาถึง พระเจ้าอโศกมหาราชเสด็จไปรับด้วยพระองค์เอง ทรงลุยน้ำไปจนถึงพระชานุ (เข่า) ยื่นพระกรให้พระเถระจับ และตรัสว่า "ขอพระคุณท่านจงสงเคราะห์ข้าพเจ้าเถิด" จากนั้นทรงนำท่านไปยังอุทยาน และแสดงความเคารพอย่างสูง พระองค์ทรงสอบถามอีกครั้งว่าการกระทำของอำมาตย์นั้นจะถือเป็นบาปกรรมของพระองค์หรือไม่ พระเถระถวายคำตอบว่า "มหาบพิตร จะเป็นบาปได้ก็ต่อเมื่อพระองค์มีเจตนาที่จะฆ่าเท่านั้น" คำตอบนี้ทำให้พระองค์ทรงพอพระทัยและคลายความกังวลอย่างยิ่ง
การชำระพระศาสนาและการสังคายนา
แม้ความสงสัยส่วนพระองค์จะคลี่คลาย แต่ปัญหาของพระอลัชชีในพระพุทธศาสนายังคงอยู่ พวกเขาเหล่านี้ยังคงแสวงหาลาภสักการะ ละเลยการปฏิบัติธรรม ประพฤติผิดธรรมวินัย และหลอกลวงประชาชน ทำให้พระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องมัวหมอง
ในปี พ.ศ. 287 พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระได้ถวายเทศนาแด่พระเจ้าอโศกมหาราชจนพระองค์ทรงเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง พระองค์ประทับอยู่ที่อุทยานเป็นเวลา 7 วัน เพื่อเตรียมการชำระพระศาสนาให้บริสุทธิ์จากพวกเดียรถีย์ที่ปลอมบวช ในวันที่ 7 พระองค์ทรงประกาศเรียกประชุมพระภิกษุทั้งหมดในชมพูทวีปให้มาที่อโศการามเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
พระเจ้าอโศกมหาราชประทับนั่งภายในม่านพร้อมกับพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระ ทรงให้พระภิกษุแต่ละนิกายรวมกลุ่มกัน แล้วตรัสถามให้อธิบายคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อพระภิกษุเหล่านั้นอธิบายผิดเพี้ยนไปตามลัทธิของตน พระเจ้าอโศกมหาราชจึงตรัสให้พระอลัชชีเหล่านั้นทั้งหมด สึกจากสมณเพศ ซึ่งมีจำนวนถึง 60,000 รูป
ภายหลังจากการกำจัดพระภิกษุอลัชชีออกไปจากพระพุทธศาสนาแล้ว พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระจึงได้จัดให้มีการ สังคายนาครั้งที่ 3 ขึ้น ณ อโศการาม เมืองปาฏลีบุตร โดยได้รับการอุปถัมภ์จากพระเจ้าอโศกมหาราชอย่างเต็มที่ การกระทำครั้งนี้ถือเป็นการปฏิรูปครั้งสำคัญที่ช่วยธำรงรักษาพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์มั่นคงสืบไป - 001
หมายเหตุภาพ สร้างโดย AI
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี