เปิดคำสอน‘หลวงพ่อปัญญา’ เป็น‘พระ’ต้องเลี้ยงง่าย ไม่เป็นภาระญาติโยม

19 กรกฎาคม 2568 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

หลวงพ่อปัญญา

2-3 เดือนที่แล้ว ผมไปงานศพวัดชลประทาน ท่านเจ้าอาวาสวัดชลประทาน ได้ลงมาปาฐกถาธรรมก่อนฌาปนกิจ

เมื่อผมเดินเข้าไปท่านเจ้าอาวาส เริ่มปาฐกถาธรรมไปบ้างแล้ว ท่านถามผู้ที่นั่งฟังว่าก่อนนอนมีใครสวดมนต์บ้าง มีคนยกมือกันเกือบทุกคน ยกเว้นผมไม่ได้ยกมือ ท่านพูดว่าที่เห็นไม่ยกมือ ก็มีคุณนิพิฏฐ์ ผมก็ยิ้ม และอายเล็กน้อย แต่ผมไม่กล้ายกมือ เพราะผมไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอนจริงๆ ผมเพียงอธิษฐานกราบหมอนแล้วก็นอน

ในการปาฐกถาธรรม ท่านเล่าว่า หลวงพ่อปัญญา เป็นพระสงฆ์ที่เรียบง่าย สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน แม้ก่อนละสังขารก็สวดมนต์ ถ้าผมจำไม่ผิดท่านเล่าว่า มีคืนเดียวที่ไม่ได้สวดมนต์ คือคืนสุดท้ายก่อนท่านละสังขาร ท่านนอนหลับไปทั้งวัน จนมรณภาพ

ท่านเล่าต่อว่า สวดมนต์เสร็จหลวงพ่อปัญญาก็นอน แล้วหลับสนิททันที มีเสียงกรนเล็กน้อย เหมือนเสียงกรนของแมว หลับสนิทเพราะก่อนนอน ท่านไม่นำอะไรมาคิดให้รกสมอง

หลวงพ่อปัญญา เป็นพระที่ไม่ดื่มน้ำชา-กาแฟ ในกุฏิของท่าน จึงไม่มีกาน้ำชา หรือปั้นชาราคาแพงๆ น้ำก็เป็นน้ำธรรมดา ไม่แช่ตู้เย็น ไม่ดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มใดๆ ดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว

เวลาฉันอาหาร ญาติโยมถวายอะไรมาท่านก็ฉันอย่างนั้น โดยไม่ใส่เครื่องปรุง ไม่ว่าน้ำปลา พริก เกลือ น้ำตาล ก็ไม่ใส่ และท่านกล่าวกับญาติโยมว่า ที่ถวายมาก็อร่อยดีแล้ว ไม่ต้องปรุงอะไรอีก ท่านบอกว่า การเป็นพระต้องเป็นผู้ที่เลี้ยงง่าย ไม่ให้เป็นภาระของญาติโยม

ท่านคิดอะไรเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มีไสยศาสตร์มาปะปน อันนี้ เป็นที่ทราบกันดี            

ก่อนท่านละสังขาร ผมก็ได้ไปกราบท่านอยู่บ้างเพราะท่านเป็นคนบ้านเดียวกับผม เวลาเจอท่านก็คุยกันนานๆ ดูเหมือนท่านก็เมตตาผมอยู่ตามสมควร

ท่านกล่าวกับผมว่า การเป็นผู้แทนราษฎร ควรปฏิบัติตัวอย่างไร แต่ผมไม่ควรนำมากล่าวในที่นี้เพราะอาจทำให้หลายคนเอาไปตีความ จนเกินเลยไป                                             

ท่านละสังขารไปนานแล้ว ในยามนี้ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านคงได้เตือนสติชาวพุทธ ให้คลายความหดหู่ลงได้บ้าง