ราคาผักในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง จังหวัดยะลา มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 10-20 บาทหลังจากเกิดฝนตกและเกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ ในขณะที่การจำหน่ายผักสดมียอดการจำหน่ายลดลง และใกล้ถึงช่วงเทศกาลกินเจที่จะถึงนี้ คาดว่าผักจะมีปรับราคาขึ้นอีกขณะที่พ่อค้าแม่ค้า ประชาชน บอกโครงการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นการซื้อขายได้
13 ต.ค.2568 ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามราคาผักสดก่อนช่วงเทศกาลกินเจและผลตอบรับโครงการคนละครึ่ง จากการสอบถาม แม่ค้าขายผักสดในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง บอกว่า ราคาผักบางชนิดมีการปรับขึ้นราคา เช่น แตงกวา จากเดิม 20 บาท ปรับขึ้นเป็น 24 บาท ถั่วฝักยาว จากเดิม กิโลกรัมละ 20 บาท ปรับขึ้นเป็น 25 บาท มะระ จากเดิม 30 บาทปรับขึ้นเป็น 50 บาท ผักกาดขาว จากเดิม 30 บาท ปรับขึ้นเป็น 40 บาท ผักกวางตุ้ง จากเดิม 35 บาท ปรับขึ้นเป็น 40 บาท พริกขี้หนู จากเดิม 120 บาท ปรับขึ้นเป็น 160 บาท
ในขณะที่ต้นหอม จากเดิม 100 บาท ปรับขึ้นเป็น 120 บาท ผักชีจากเดิม 120 บาท ปรับขึ้นเป็น 180 บาท ทั้งนี้แม่ค้าขายผักในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง บอกอีกว่า ผักไม่มีการขาดตลาดแต่อย่างใด แต่ที่ผักมีปรับราคาขึ้นนั้นมาจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ประกอบฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผักที่เกษตรกรปลูกได้รับความเสียหาย ตนเองนั้นสั่งผักมาจำหน่ายให้กับประชาชนลดลงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่กล้าผักสั่งมาจำนวนมาก เนื่องจากประชาชนไม่มีกำลังซื้อ เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงสูง แต่การบริโภคของประชาชนโชคดีที่ยังได้รับการสนับสนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง
ขณะที่ประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ บอกว่าโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ดีที่สุดแล้ว แต่อยากเพิ่มให้ครอบคลุมซื้อสินค้าได้ทุกอย่าง เพื่อช่วยประชาชนรากหญ้าได้มีกำลังซื้อเหมือนวันนี้มาซื้อผัก หากมีโครงการคนละครึ่งพรุ่งนี้ก็มีกำลังมาซื้ออีก หากไม่มีโครงการคนละครึ่งก็คงจะประหยัดในการออกมาซื้อ
ด้านร้านโซห่วยชั้น 2 ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง นายสมบุญ จรัสจินดาลาภ พ่อค้าโซห่วย บอกว่า โครงการนี้ดีเพราะประชาชนมาซื้อของได้ในราคาลดครึ่งราคาหรือ 50 เปอร์เซ็นต์ประกอบกับเศรฐกิจแบบนี้เพราะการซื้อของจ่ายเพียงครึ่งราคาเป็นเรื่องที่ดีต่อประชาชนผู้บริโภคและสามารถลดค่าครองชีพไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียวเพราะค่าครองชีพปัจจุบันมันก็สูงมาระดับหนึ่งแล้วเมื่อมีโครงการคนละครึ่ง
'ผมคิดว่าดีไม่แย่ ส่วนเด็กอายุ 16 ปี สามารถลงทะเบียนเข้าโครงการคนละครึ่งได้ ความคิดผมคือเด็ก 16 ปีปัจจุบันไม่ใช่เด็กแล้ว เพราะการใช้สอยการหากินเองอย่างเช่นพ่อแม่ต้องให้เงินเด็กเพื่อไปซื้อของก็จ่ายน้อยไปครึ่งหนึ่งทำให้เด็กดูแลตัวเองได้แล้วในการการกินการใช้จ่าย ก็ทำให้พึ่งพาพ่อแม่ไปครึ่งเป็นเรื่องดีถึงแม้จะช่วงสั้นๆตามที่ได้เงินมาใช้ในแต่ละวันเม่าไร หากเปิดให้ใช้ได้ในเดือนตุลาคมนี้ซึ่งโครงการนี้ประชาชนเคยได้ใช้มาก่อนแล้วการใช้งานคงไม่ยากซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำเป็นกันหมดแล้ว
ส่วนเรื่องเที่ยวคนละครึ่งในฐานะผมอยู่ในเมืองท่องเที่ยวในการที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาก็หมายถึงว่าการทำธุรกิจในเมืองสามารถหมุนไปได้หมดทั้งร้านอาหาร โรงแรม ที่พักและการค้าขายทั่วไปมันก็จะหมุนไปได้หมดเลย หากดับเบิ้ลด้วยกันทั้งคู่ผมว่าเป็นเรื่องดีหรือจะจัดเป็นแพ็กเก็จต่อไปก็ได้ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวในปัจจุบันไม่ได้ท่องเที่ยวได้กันหมดทุกคน คือสำหรับคนที่มีรายได้ระดับกลางหรือไม่แย่เท่าไรถ้าเกิดมาเที่ยวแล้วช่วยได้ครึ่งหนึ่ง ถือว่าดี'
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี