วันอาทิตย์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568
จดหมายฉบับเล็ก ถึงพระเมตตาของ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’ที่ไม่มีวันเลือน

จดหมายฉบับเล็ก ถึงพระเมตตาของ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’ที่ไม่มีวันเลือน

วันอาทิตย์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 11.36 น.

จดหมายฉบับเล็ก ถึงพระเมตตาของ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’ที่ไม่มีวันเลือน

26 ตุลาคม 2568 น.ส.วราภรณ์ สร้อยเสน หรือ “น้องหมิว บัณฑิตจิ๋ว” สาวพิการขา นิ้วมือ และมีความสูงเพียง 92 เซนติเมตร แต่เรียนจบระดับปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 2 ม.ราชภัฏบุรีรัมย์ นักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Vitamilk Waraporn Soisean ระบุว่า...


บันทึกเด็กหญิงวราภรณ์ ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของตัวเอง

พระองค์ท่านไม่เคยต้องออกสื่อหรือป่าวประกาศ เพราะพระองค์คิดเสมอประชาชนทุกหมู่เหล่า คือลูกๆของพระองค์

จดหมายฉบับเล็ก…ถึงพระเมตตาที่ไม่มีวันเลือน

เราเป็นเด็กพิการคนหนึ่งที่เกิดมาในครอบครัวค่อนข้างลำบากยากจนมีพ่อแม่ทำงานก่อสร้าง

แต่มีความฝันเพียงหนึ่งเดียว อยากเรียนหนังสือให้ได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของใคร

หลายคนบอกเราว่า “เพ้อฝัน” ไม่มีทางได้รับโอกาสนั้นหรอกแต่เรากลับเชื่อมั่นเสมอว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินี คือกำลังใจของชีวิต

เราจึงตัดสินใจเขียนจดหมายกราบบังคมทูลถึงพระองค์ท่าน

ด้วยหัวใจที่ไม่รู้เลยว่าจะมีใครได้อ่านไหม

แต่เชื่อเพียงว่า ถ้าจดหมายฉบับนี้มีบุญถึงพระเนตรพระกรรณ พระองค์คงไม่ทอดทิ้งประชาชน

ไม่นานหลังจากนั้น เราได้รับจดหมายตอบกลับจาก “สำนักพระราชวัง”

ลงนามโดย “สำนักราชเลขาธิการในพระองค์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ”

เป็นจดหมายที่เปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของเรา

พระองค์ทรงมีรับสั่งให้เราระบุได้เลยว่า “อยากเรียนที่ไหน เรียนอะไร เรียนกี่ปี”

และพระราชทาน ทุนการศึกษา ให้เราได้เรียนต่อ

ความตื้นตันใจในวันนั้นไม่มีคำใดจะบรรยายได้

มันคือวันที่เราได้รู้ว่า พระองค์ท่านทรงเห็นเราแล้วจริง ๆ

และนี่ก็สะท้อนให้เราเห็นชัดเจนว่า พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนเลย

ไม่ว่าประชาชนจะเกิดมาเป็นแบบไหน หรือมีข้อจำกัดอย่างไร

พระองค์ไม่เคยเลือกประชาชน แต่ทรงเมตตาทุกคนเท่าเทียมกัน

ตั้งแต่นั้นมา เราสัญญากับตัวเองว่า

สิ่งเดียวที่เราจะตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณได้

คือ ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด

เรียนให้สมกับที่พระองค์ทรงให้โอกาส

ไม่ขาดเรียนแม้วันที่ป่วย เว้นแต่ร่างกายไม่ไหวจริง ๆ

เราส่งรายงานผลการเรียนไปยังสำนักพระราชวังทุกภาคเรียน

และทุกครั้งที่มีจดหมายตอบกลับ ก็เต็มไปด้วยกำลังใจจากพระองค์

พระองค์ตรัสผ่านเจ้าหน้าที่ว่า

“ตั้งใจเรียนเท่าที่ทำได้ ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก หากมีปัญหาหรือติดอะไรให้แจ้งได้เลยไม่ต้องกังวลหรือเกรงใจ“

ในวันที่เราป่วยจนเกรดตกเล็กน้อย

เรารายงานไป และคำตอบกลับจากพระองค์ก็อ่อนโยนยิ่งนัก

พระเมตตานั้นทำให้เราลุกขึ้นสู้ต่อ และผลการเรียนก็ดีขึ้นอีกครั้ง

จนกระทั่งถึงวันที่เรากำลังเรียนปีสอง

ข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาถึง

เราร้องไห้ทุกวัน ไม่อยากทำอะไรเลย

เพราะในใจของเราฝันไว้เสมอว่า อยากเรียนจบด้วยเกียรตินิยมถวายแด่พระองค์ เราท้อและเศร้าเสียใจมากๆ

แต่เมื่อมองดูประชาชนทั้งแผ่นดินที่ยังมี “หัวใจของพ่อ” อยู่ในใจ

เราจึงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกำลังใจจาก “แม่หลวง” ที่ยังคงอยู่

และในที่สุด…เราก็ทำได้จริง ๆ

เราจบปริญญาตรี พร้อม เกียรตินิยมอันดับสอง เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้เกียรตินิยมเพราะเราหารายชื่อไม่เจอ

ช่วงนั้นอาจจะเริ่มสายตาสั้นแล้ว แต่คนที่เห็นคือ แม่ของเรา

แม่เห็นชื่อเราในใบทานสคริป แม่ร้องไห้ด้วยความภูมิใจ เพราะเราทำสำเร็จ ด้วยเกียรตินิยมอย่างที่ตั้งใจ ถวายปริญญานี้แด่พระองค์ท่าน

เมื่อถึงวันรับพระราชทานปริญญาบัตร

เรารู้สึกกังวลมาก แต่พระเมตตาก็ยังคงอยู่

เราได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา (พระองค์ภา) พระองค์ผู้พระราชทานปริญญาบัตรตรัสว่า

“ให้เดินเข้าไปรับได้เลย ไม่ต้องกังวล และยิ้มให้พระองค์ได้ด้วย” ไม่ใช่แค่เพราะเราได้ “รับพระราชทานปริญญาบัตร”

แต่เพราะ เราได้เดินเข้าไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกตัญญูและศรัทธาในพระเมตตาของพระองค์ท่าน

หลังจากนั้น เราได้เข้าทำงานที่ธนาคาร

อาชีพมั่นคงที่เราใฝ่ฝัน ทั้งที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะทำได้

ทุกอย่างนี้ล้วนเกิดจากพระเมตตาและพระกรุณาของพระองค์ทุกพระองค์

ที่ทรงเปิดประตูชีวิตให้เด็กพิการคนหนึ่งมีวันนี้ได้เพราะคำว่าการศึกษาและพระเมตตา

อาชีพมั่นคงและสิ่งที่เราใฝ่ฝัน มันไม่ใช่เพียงความสำเร็จทางชีวิตเท่านั้น แต่เป็น หลักฐานของพลังแห่งความดี ความพยายาม และพระมหากรุณาธิคุณที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนคนหนึ่งจนเติบโตให้งดงามได้ด้วยพระเมตตา

มาถึงวันนี้ วันที่เราไม่อยากได้ยินหรือให้เกิดขึ้นจริงเลยแม้แค่ความฝันก็ไม่อยากให้เกิด วันที่ทราบข่าวจากทุกสำนัก พระพันปีหลวงจะเสด็จสวรรคต

เราหันไปดูหน้าซองจดหมายเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ความรู้สึกต่างจากทุกครั้งมากๆ

เรามองดูจ่าหน้าซองจดหมายจาก

“กองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ” ซึ่งเป็นพระนามของ แม่ ผู้ที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา

ความซาบซึ้งนั้นยังคงเหมือนวันแรก

ไม่มีพระเมตตาที่ใดในโลกจะเทียบเทียมได้เลย

พระมหากรุณาธิคุณนี้จะสถิตอยู่ในหัวใจของเรา

ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ และจะส่งต่อแรงบันดาลใจนี้

ให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า

“เมื่อเราทำดีและไม่ยอมแพ้ ความดีนั้นจะพาเราไปถึงแสงแห่งความหวังเสมอ”

ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความกตัญญู เราขอถวายความสำเร็จในชีวิตของเรา

ทั้งความรู้ ความเพียร และความตั้งใจเรียนทุกย่างก้าว

แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระพันปีหลวง

ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจและความหวังของลูกหลานประชาชนทุกคน

พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

ที่ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ไม่เลือกใคร ไม่ว่าสภาพใด

ได้หล่อหลอมชีวิตของเราให้กล้าเผชิญโลกด้วยความมั่นใจและความดี

ให้เราได้มีโอกาสเรียนจบ มีอาชีพมั่นคง และเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ถ้าไม่ได้รับพระเมตตาจากพระองค์ ก็คงไม่มี #บัณฑิตจิ๋ว ในวันนี้

กราบแทบพระยุคลบาท น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

และขอถวาย กำลังใจและความปรารถนาดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระราชินี ทั้ง พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

ขอพระองค์ทรงพระเจริญด้วยสวัสดิภาพและพระเกษมสำราญ

เพื่อเป็นกำลังใจให้สืบสานพระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนทุกคน

เราขอสัญญาว่าจะถือเอาพระเมตตานี้เป็นหลักชัยของชีวิต

ตั้งใจทำความดี ตั้งใจให้เต็มกำลัง และแบ่งปันแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น

เพื่อสืบทอดความดี ความศรัทธา และพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

ให้คงอยู่ในใจของเรา และของผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้ตลอดไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top