ทรงพระเมตตา 'สมเด็จพระพันปีหลวง' เปลี่ยนชีวิต 'น้องหมิว' บัณฑิตจิ๋ว

ทรงพระเมตตา 'สมเด็จพระพันปีหลวง' เปลี่ยนชีวิต 'น้องหมิว' บัณฑิตจิ๋ว

วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 15.49 น.

เฟซบุ๊ก Vitamilk Waraporn Soisean น้องหมิว เด็กพิเศษ ได้โพส์ภาพจดหมายจาก สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงพระเมตตาตนเองที่เป็นเด็กพิเศษและครอบครัวค่อนข้างลำบาก พระองค์ทรงมีรับสั่งะพระราชทาน ทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรี 

โดยน้องหมิวได้ระบุข้อความว่า "บันทึกเด็กหญิงวราภรณ์ ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนแรงบันดานใจจากเรื่องจริงของตัวเอง พระองค์ท่านไม่เคยต้องออกสื่อหรือป่าวประกาศ เพราะพระองค์คิดเสมอประชาชนทุกหมู่เหล่า คือลูกๆของพระองค์  จดหมายฉบับเล็ก…ถึงพระเมตตาที่ไม่มีวันเลือน


เราเป็นเด็กพิการคนหนึ่งที่เกิดมาในครอบครัวค่อนข้างลำบากยากจนมีพ่อแม่ทำงานก่อสร้าง แต่มีความฝันเพียงหนึ่งเดียว อยากเรียนหนังสือให้ได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของใคร หลายคนบอกเราว่า “เพ้อฝัน” ไม่มีทางได้รับโอกาสนั้นหรอกแต่เรากลับเชื่อมั่นเสมอว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินี คือกำลังใจของชีวิต

เราจึงตัดสินใจเขียนจดหมายกราบบังคมทูลถึงพระองค์ท่าน ด้วยหัวใจที่ไม่รู้เลยว่าจะมีใครได้อ่านไหม แต่เชื่อเพียงว่า ถ้าจดหมายฉบับนี้มีบุญถึงพระเนตรพระกรรณ พระองค์คงไม่ทอดทิ้งประชาชน 

ไม่นานหลังจากนั้น เราได้รับจดหมายตอบกลับจาก “สำนักพระราชวัง” ลงนามโดย “สำนักราชเลขาธิการในพระองค์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ” เป็นจดหมายที่เปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของเรา
พระองค์ทรงมีรับสั่งให้เราระบุได้เลยว่า “อยากเรียนที่ไหน เรียนอะไร เรียนกี่ปี” และพระราชทาน ทุนการศึกษา ให้เราได้เรียนต่อ

ความตื้นตันใจในวันนั้นไม่มีคำใดจะบรรยายได้ มันคือวันที่เราได้รู้ว่า พระองค์ท่านทรงเห็นเราแล้วจริง ๆ และนี่ก็สะท้อนให้เราเห็นชัดเจนว่า พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนเลย ไม่ว่าประชาชนจะเกิดมาเป็นแบบไหน หรือมีข้อจำกัดอย่างไร พระองค์ไม่เคยเลือกประชาชน แต่ทรงเมตตาทุกคนเท่าเทียมกัน

ตั้งแต่นั้นมา เราสัญญากับตัวเองว่า สิ่งเดียวที่เราจะตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณได้ คือ ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด เรียนให้สมกับที่พระองค์ทรงให้โอกาส ไม่ขาดเรียนแม้วันที่ป่วย เว้นแต่ร่างกายไม่ไหวจริง ๆ เราส่งรายงานผลการเรียนไปยังสำนักพระราชวังทุกภาคเรียน และทุกครั้งที่มีจดหมายตอบกลับ ก็เต็มไปด้วยกำลังใจจากพระองค์ พระองค์ตรัสผ่านเจ้าหน้าที่ว่า “ตั้งใจเรียนเท่าที่ทำได้ ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก หากมีปัญหาหรือติดอะไรให้แจ้งได้เลยไม่ต้องกังวลหรือเกรงใจ“

ในวันที่เราป่วยจนเกรดตกเล็กน้อย เรารายงานไป และคำตอบกลับจากพระองค์ก็อ่อนโยนยิ่งนัก พระเมตตานั้นทำให้เราลุกขึ้นสู้ต่อ และผลการเรียนก็ดีขึ้นอีกครั้ง จนกระทั่งถึงวันที่เรากำลังเรียนปีสอง

ข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาถึง เราร้องไห้ทุกวัน ไม่อยากทำอะไรเลย เพราะในใจของเราฝันไว้เสมอว่า อยากเรียนจบด้วยเกียรตินิยมถวายแด่พระองค์ เราท้อและเศร้าเสียใจมาก ๆ แต่เมื่อมองดูประชาชนทั้งแผ่นดินที่ยังมี “หัวใจของพ่อ” อยู่ในใจ 

เราจึงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกำลังใจจาก “แม่หลวง” ที่ยังคงอยู่ และในที่สุด…เราก็ทำได้จริง ๆ เราจบปริญญาตรี พร้อม เกียรตินิยมอันดับสอง เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้เกียรตินิยมเพราะเราหารายชื่อไม่เจอ 

ช่วงนั้นอาจจะเริ่มสายตาสั้นแล้ว แต่คนที่เห็นคือ แม่ของเรา แม่เห็นชื่อเราในใบทานสคริป แม่ร้องไห้ด้วยความภูมิใจ เพราะเราทำสำเร็จ ด้วยเกียรตินิยมอย่างที่ตั้งใจ ถวายปริญญานี้แด่พระองค์ท่าน 

เมื่อถึงวันรับพระราชทานปริญญาบัตร เรารู้สึกกังวลมาก แต่พระเมตตาก็ยังคงอยู่ เราได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา (พระองค์ภา) พระองค์ผู้พระราชทานปริญญาบัตรตรัสว่า “ให้เดินเข้าไปรับได้เลย ไม่ต้องกังวล และยิ้มให้พระองค์ได้ด้วย” ไม่ใช่แค่เพราะเราได้ “รับพระราชทานปริญญาบัตร” แต่เพราะ เราได้เดินเข้าไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกตัญญูและศรัทธาในพระเมตตาของพระองค์ท่าน 

หลังจากนั้น เราได้เข้าทำงานที่ธนาคาร อาชีพมั่นคงที่เราใฝ่ฝัน ทั้งที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะทำได้ ทุกอย่างนี้ล้วนเกิดจากพระเมตตาและพระกรุณาของพระองค์ทุกพระองค์ ที่ทรงเปิดประตูชีวิตให้เด็กพิการคนหนึ่งมีวันนี้ได้เพราะคำว่าการศึกษาและพระเมตตา อาชีพมั่นคงและสิ่งที่เราใฝ่ฝัน มันไม่ใช่เพียงความสำเร็จทางชีวิตเท่านั้น แต่เป็นหลักฐานของพลังแห่งความดี ความพยายาม และพระมหากรุณาธิคุณที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนคนหนึ่งจนเติบโตให้งดงามได้ด้วยพระเมตตา

มาถึงวันนี้ วันที่เราไม่อยากได้ยินหรือให้เกิดขึ้นจริงเลยแม้แค่ความฝันก็ไม่อยากให้เกิด วันที่ทราบข่าวจากทุกสำนัก พระพันปีหลวงจะเสด็จสวรรคต เราหันไปดูหน้าซองจดหมายเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ความรู้สึกต่างจากทุกครั้งมาก ๆ 

เรามองดูจ่าหน้าซองจดหมายจาก “กองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ” ซึ่งเป็นพระนามของ แม่ ผู้ที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา ความซาบซึ้งนั้นยังคงเหมือนวันแรก ไม่มีพระเมตตาที่ใดในโลกจะเทียบเทียมได้เลย พระมหากรุณาธิคุณนี้จะสถิตอยู่ในหัวใจของเรา ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ และจะส่งต่อแรงบันดาลใจนี้ ให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า “เมื่อเราทำดีและไม่ยอมแพ้ ความดีนั้นจะพาเราไปถึงแสงแห่งความหวังเสมอ”

ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความกตัญญู เราขอถวายความสำเร็จในชีวิตของเรา ทั้งความรู้ ความเพียร และความตั้งใจเรียนทุกย่างก้าว แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจและความหวังของลูกหลานประชาชนทุกคน พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ไม่เลือกใคร ไม่ว่าสภาพใด ได้หล่อหลอมชีวิตของเราให้กล้าเผชิญโลกด้วยความมั่นใจและความดี ให้เราได้มีโอกาสเรียนจบ มีอาชีพมั่นคง และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ถ้าไม่ได้รับพระเมตตาจากพระองค์ ก็คงไม่มี #บัณฑิตจิ๋ว ในวันนี้ 

กราบแทบพระยุคลบาท น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และขอถวาย กำลังใจและความปรารถนาดี แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระราชินี ทั้ง พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ขอพระองค์ทรงพระเจริญด้วยสวัสดิภาพและพระเกษมสำราญ เพื่อเป็นกำลังใจให้สืบสานพระราชกรณียกิจ และพรมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนทุกคน 

เราขอสัญญาว่าจะถือเอาพระเมตตานี้เป็นหลักชัยของชีวิต ตั้งใจทำความดี ตั้งใจให้เต็มกำลัง และแบ่งปันแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น เพื่อสืบทอดความดี ความศรัทธา และพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ให้คงอยู่ในใจของเรา และของผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้ตลอดไป" 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top