วันพุธ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568
29 ตุลาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก “Apailucktan” ได้เผยแพร่ภาพพระฉายาลักษณ์ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บนปกนิตยสารชื่อดังจากทั่วโลก พร้อมข้อความเชิดชูพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่นในฐานะ “ราชินีผู้ทรงปลุกชีพแฟชั่นไทยสู่สายตาชาวโลก” เมื่อกว่า 60 ปีก่อน
ข้อความระบุว่า รวมภาพพระฉายาลักษณ์บนปกนิตยสารจากทั่วโลก สมเด็จพระพันปีหลวง ราชินีผู้ทรงปลุกชีพแฟชั่นไทยสู่สายตาชาวโลก” เมื่อกว่า 60 ปีก่อน…ในวันที่โลกแฟชั่นยังจำกัดอยู่เพียงปารีส ลอนดอน และนิวยอร์กหญิงไทยพระองค์หนึ่ง ได้ทรงเปลี่ยนแปลงภาพจำของ “สตรีจากตะวันออก”ให้กลายเป็น “ราชินีผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นระดับโลก”พระองค์คือ #สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่น คือ #SoftPower แห่งสยามยุคทศวรรษ 1960–1970 คือช่วงเวลาที่แฟชั่นโลกกำลังผลิบาน แต่ในขณะที่ยุโรปยึดถือ Chanel, Dior และ Balenciaga เป็นมาตรฐานแห่งความงาม
สมเด็จพระพันปีหลวงกลับทรงพลิกมุมมองนั้นด้วยการนำ “ผ้าไหมไทย” — สิ่งทอพื้นเมืองที่คนไทยใช้ในชีวิตประจำวัน — มาสวมใส่ในเวทีระดับโลกอย่างทรงเกียรติ พร้อมประยุกต์การออกแบบร่วมกับห้องเสื้อชื่อดังระดับตำนาน เช่น Pierre Balmain, Christian Dior, และ Givenchy พระองค์ไม่ได้เพียงสวมใส่ความงาม แต่ทรงออกแบบ เรียบเรียง และ คัดเลือกเฉดสี ลวดลาย และเครื่องประดับด้วยพระองค์เองจนเกิดสไตล์ที่เรียกว่า “Thai Modern Royal Couture” แฟชั่นไทยที่หรูหรา เทียบเท่าโลกตะวันตก แต่ยังคงกลิ่นอายแห่งความอ่อนช้อยแบบสยาม
ความงดงามที่สะกดโลก เมื่อไทยขึ้นปกนิตยสารระดับตำนาน
พระฉายาลักษณ์ของ #สมเด็จพระพันปีหลวงได้ปรากฏบนปกนิตยสารชั้นนำทั่วโลกตั้งแต่ BUNTE (เยอรมนี), SEMANAS (สเปน), The Australian Women’s Weekly, ไปจนถึง LIFE และ Vogue Archives ทุกภาพคือบทเรียนด้าน Image Strategy ที่ทรงพลังสีผ้าไหมโทน “ม่วงสุพรรณิการ์” “ฟ้านิลกาฬ” “ทองอุไร” “ชมพูโสภี” ไม่ได้ถูกเลือกเพียงเพราะความงาม — แต่เพราะแต่ละสีมี “สัญญะของความรุ่งเรือง ความสงบ ความจงรัก และความหวัง” เมื่อรวมเข้ากับทรงผมเกล้ามวยสูงแบบไทยๆ เครื่องประดับทองคำลงยา และรอยยิ้มแห่งไมตรีภาพของสตรีไทยจึงกลายเป็นภาพแทนของ “ประเทศแห่งรอยยิ้ม” อย่างแท้จริง
รสนิยมระดับโลกที่ไม่มีวันล้าสมัยแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 6 ทศวรรษแต่ ทุกลุคของสมเด็จพระพันปีหลวงกลับยังคงร่วมสมัยและใช้ได้ในทุกยุคนี่คือ “รสนิยมเหนือกาลเวลา” (Timeless Elegance)ที่ผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับสากลได้อย่างกลมกลืนโดยไม่ต้อง “ลอกตะวันตก” —แต่ทรงเลือก “ยกระดับความเป็นไทย” ให้โลกยอมรับในยุคที่คำว่า Soft Power ยังไม่ถือกำเนิดพระองค์ได้ทรงทำให้ “ผ้าไหมไทย” กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและทรงเปิดประตูให้ช่างฝีมือไทยหลายพันชีวิตมีอาชีพ มีศักดิ์ศรีนี่คือ แฟชั่นที่สร้างชีวิตไม่ใช่เพียงความงามที่ผ่านตา แต่คือพลังที่ปลุกหัวใจคนทั้งชาติ
สำหรับผู้หญิงไทยยุคนี้พระองค์ คือแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ — ให้เรากล้าที่จะ “ภาคภูมิใจในรากเหง้าของตัวเอง”กล้าที่จะ “ยืนด้วยรสนิยมที่มาจากจิตวิญญาณไม่ใช่การเลียนแบบ”และกล้าที่จะ“สวมใส่ความเป็นไทยในทุกบทบาทของชีวิต”เพราะ…“ความงามที่แท้จริง… คือการรู้คุณค่าของสิ่งที่เรามี และรู้ว่าตัวเราคือใคร” — ApailuckTan
พระองค์คือ “บทเรียนแห่งความสง่างามภาคภูมิใจและความสง่างามอย่างไทย”เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นแต่งกายด้วยความภาคภูมิใจ — เพราะความเป็นไทย คือความงามที่โลกจดจำได้เสมอ
#ชุดผ้าไทย
#ApailuckTan
#น้อมกราบส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
ขอบคุณที่มา : Apailucktan
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี