รอใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง” ตั้งแต่ตี 5 พบปัญหาเล็กน้อย สแกนจ่ายช้าเหตุผู้ใช้หนาแน่น

29 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกของการเริ่มใช้สิทธิ์โครงการ “คนละครึ่ง” ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบรรยากาศที่ตลาดสดเทศบาลเมืองชัยภูมิ พบว่ามีประชาชนที่ได้รับสิทธิ์คนละครึ่ง ทั้งวงเงิน 2,000 บาท และ 2,400 บาท ออกมาจับจ่ายซื้อกับข้าวและอาหารกันตั้งแต่ช่วงเช้ามืด

แต่ละร้านมีการติดป้าย “ร้านนี้รับคนละครึ่ง” เป็นจำนวนมาก บางร้านเปิดขายตั้งแต่ก่อนเวลา 06.00 น. โดยเฉพาะร้านขายเนื้อหมูที่เข้าร่วมโครงการ มีลูกค้าทยอยมาเลือกซื้อเนื้อหมูเพื่อนำไปประกอบอาหารกันอย่างคึกคัก

ขณะเดียวกัน ยังมีประชาชนจำนวนมากเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดสีดำไว้สวมใส่เพื่อร่วมไว้อาลัยต่อการสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าของร้านเสื้อผ้าชุดดำเผยว่า ก่อนหน้านี้ขายได้เพียงเล็กน้อย แต่วันนี้ (29 ต.ค.) มีลูกค้าใช้สิทธิ์คนละครึ่งมาเลือกซื้อกันตั้งแต่เช้า ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่าทุกวัน

อย่างไรก็ตาม หลายร้านค้าระบุว่า ในช่วงแรกของการเปิดระบบเมื่อเวลา 06.00 น. พบปัญหาเล็กน้อยในการสแกนจ่ายเงินจากแอป “เป๋าตัง” ซึ่งมีผู้ใช้จำนวนมาก ทำให้ระบบบางช่วงไม่สามารถสแกนจ่ายได้ แต่หลังเวลา 07.00 น. ระบบกลับมาทำงานได้ตามปกติ

เช่นเดียวกับร้านก๋วยจั๊บ และร้านอาหาร “บ๋วยโภชนา” ที่ขายอาหารตามสั่งประเภทก๋วยเตี๋ยว ข้าวขาหมู ข้าวหน้าไก่ และข้าวหน้าเป็ด เปิดร้านตั้งแต่เวลา 05.00 น. มีลูกค้ามารอใช้สิทธิ์สั่งอาหารกลับบ้านตั้งแต่เช้า และเริ่มสแกนจ่ายได้หลังเวลา 06.00 น. เป็นต้นไป โดยร้านค้าส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่า โครงการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักขึ้นอย่างชัดเจน

ปราจีนบุรี คนแห่ใช้คนละครึ่ง วันแรกคึกคัก

เป็นวันแรกที่โครงการคนละครึ่งพลัส เริ่มให้ประชาชนใช้ซื้อของได้ พบว่าที่ร้านค้าตลาดล่าง เขตเทศบาลเมืองปราจีนบุรี มีประชาชนไปจับจ่ายซื้อของกันคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจำเป็นในครัวเรือน อาทิเช่น ข้าวสาร ไข่ น้ำมันพืช วันแรกผู้ใช้โปรแกรมก็ยังมีปัญหาบ้างที่ผู้ใช้ยังใช้ไม่เป็นไม่คล่อง ทางร้านก็ต้องทำให้และช่วยเหลือลูกค้า ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบโครงการนี้ขอให้รัฐจัดให้มีอีกตลอดไป

นายสุวิทย์ สิทธิพล เจ้าของร้านค้า กล่าวว่า มีโครงการแบบนี้ก็จะดีกว่า ทำให้ร้านค้าขายดีขึ้นอยากให้ทุกรัฐบาลมีโครงการคนละครึ่ง จะช่วยช่วยร้านค้ากระตุ้นยอดขาย ส่วนบรรยากาศวันนี้วันแรกตั้งแต่เช้า มีคนมาใช้จ่ายมากกว่าปกติ สินค้าที่ลูกค้ามาซื้อ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องใช้จำเป็นและเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร น้ำปลา น้ำมันพืช  และอื่นๆที่ใช้ในครัวเรือน ราคาสินค้าของร้านก็ขายตามปกติที่เคยขาย ไม่มีบวกเพิ่มไม่มีชาร์จเพิ่ม ส่วนระบบในการซื้อขายก็เสถียรดี

โคราชทำถึงคึกคักคนแห่ใช้คนละครึ่งพลัสแน่นขนัด งานตลาดนัดเทกระจาด ตลาดนัดขาดทุน เติมสุขคนโคราช

ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงาน “เดิ่นของดีโคราช ตลาดนัดเทกระจาด ตลาดนัดขาดทุน เติมสุขคนโคราช” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 30 ตุลาคม 2568 เพื่อเป็นการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายซื้อสินค้าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาถูก เกิดระบบเงินทุนหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก อีกทั้งยังเป็นการเริ่มต้นเปิดใช้โครงการคนละครึ่งพลัสวันแรกของรัฐบาลอีกด้วย

ภายในงานมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ห้างร้านทั้งภาครัฐ และเอกชน ร่วมจัดแสดงจำหน่ายสินค้ามากมายกว่า 100 บูธ โดยจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษลด 50% มากกว่า 200 รายการ อาทิ เสื้อสีดำ ปกติราคาตัวละ 200 บาท ลดเหลือ 40 บาท, น้ำตาล ปกติราคา กิโลกรัมละ 28 บาท ลดเหลือ 14  บาท พร้อมด้วยทาง CP ได้นำไข่ไก่ เบอร์ 0 ปกติราคาแผงละ 130 บาท ลดเหลือ 80 บาท , ไก่จ้อ , กุ้งก้ามกราม ปกติราคากิโลกรัมละ 180 บาท ลดเหลือ 79 บาท, หอยแมลงภู่ ปกติราคากิโลกรัมละ 35 บาท ลดเหลือ 10 บาท, หมูสามชั้น ปกติราคากิโลกรัมละ 120  บาท ลดเหลือ 79 บาท โดยมีประชาชนจำนวนมากยืนต่อแถวรอรับคูปองเพื่อซื้อสินค้าภายในงานจนแน่นขนัดตึกคัก และยังสามารถชำระค่าสินค้าผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งเป็นการลดราคาได้เพิ่มมากกว่าเดิมอีกด้วย

นางสาวไพลิน พึ่งแก้ว ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าภายในงาน เปิดเผยว่า โครงการคละครึ่งพลัสถือเป็นโครงการที่ดีสำหรับคนรากหญ้า ประชาชนสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกลง แต่วันนี้ก็ยังพบปัญหาติดขัดจากการใช้งานจากแอพพลิเคชั่นเล็กน้อย เนื่องจากเป็นวันแรกที่เปิดใช้โครงการ ทั้งผู้ประกอบการ และประชาชนยังไม่คุ้นชินกับการใช้งาน

ศรีสะเกษ“คนละครึ่งพลัส” เศรษฐกิจชายแดนคึกคักอีกครั้ง! กระตุ้นจับจ่าย พ่อค้าแม่ค้ายิ้ม

บรรยากาศในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากร้านค้ารายย่อยในตลาดและริมถนนสายหลักต่างพากันติดป้าย “ร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส” เพื่อดึงดูดลูกค้าให้กลับมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก

ร้านจำหน่ายไก่ทอด หมูย่าง ปลาย่าง ร้านข้าวกล่อง ร้านกาแฟ รถเข็น และแผงลอยจำนวนมาก เริ่มมีลูกค้าทยอยมาใช้สิทธิตั้งแต่ช่วงเช้า แม่ค้าหลายรายเผยความรู้สึกดีใจที่โครงการคนละครึ่งกลับมาอีกครั้ง เพราะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในพื้นที่ชายแดน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมระบุว่ายอดขายในวันนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ขณะเดียวกัน สำรวจพบว่า บรรยากาศทั่วไปเป็นไปอย่างราบรื่น ยังไม่พบปัญหาแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ขัดข้องหรือใช้งานล่ม ประชาชนส่วนใหญ่สามารถสแกนจ่ายได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนเริ่มกลับมามีชีวิตชีวา โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก รถเข็น และแผงลอย

เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพ่อค้าแม่ค้าในวันนี้ ไม่เพียงสะท้อนยอดขายที่ดีขึ้น แต่ยังเป็นสัญญาณแห่งความหวังว่า เศรษฐกิจชายแดนไทย–กัมพูชา กำลังกลับมาฟื้นตัวและหมุนเวียนอีกครั้ง

พัทยาใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส คึกคักประชาชน แห่ใช้สิทธิ์แต่เช้า ด้านผู้ค้ามีการตั้งป้ายโครงการฯ ไว้หน้าร้าน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่ลงทะเบียนเข้ามาใช้บริการ

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกในการใช้สิทธิ์โครงการ คนละครึ่งพลัส ซึ่งเปิดให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิได้ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 เวลา 06.00–23.00 น. ผ่านแอปฯ เป๋าตัง โดยสามารถใช้สิทธิได้ทุกวันในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อกระจายการใช้จ่ายให้ทั่วถึงและลดความแออัดในช่วงเวลาเร่งด่วน ผู้ใช้สิทธิควรตรวจสอบยอดเงินใน G Wallet ให้พร้อมก่อนเริ่มใช้งาน

โดยบรรยากาศวันแรกในการใช้สิทธิ์ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พบว่า เป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ ต่างออกมาใช้สิทธิ์คนละครึ่งตั้งแต่เช้า อย่างต่อเนื่อง

นายสัญญา เกชิด เจ้าของร้านโต้งชนวัว เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก เนื่องจากทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และมีเงินหมุนเวียนในตลาดทั้งจากพ่อค้าแม่ค้า ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าขายไก่ หมู หรือสินค้าอื่น ๆ โดยเงินหมุนเวียนไปถึงทุกกลุ่มคน ประชาชนสามารถประหยัดได้ครึ่งหนึ่งในการใช้จ่าย ตั้งแต่เริ่มเปิดร้านมา ลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านเลือกใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่งเกือบทุกโต๊ะ การตอบรับดีมาก และหวังว่าโครงการจะช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงนี้ได้ดี เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายเพียว สุดอ่อน ลูกค้าที่มาใช้บริการ กล่าวว่า เคยใช้งานโครงการนี้มาก่อนแล้ว และรู้สึกว่าใช้งานง่ายและสะดวกสบายมาก ๆ อยากให้โครงการนี้ดำเนินต่อไป เพราะมันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เข้าร่วม เขาก็หวังว่ารัฐบาลจะเปิดโครงการในเฟสที่ 2 ต่อไป

นายเฉลิมพล หอมหวน ลูกค้าอีกท่านหนึ่ง กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก ทั้งร้านค้าและประชาชนได้ประโยชน์จากมัน การใช้งานแอปง่ายและสะดวกสบาย อยากให้มีโครงการแบบนี้ต่อไป เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนได้ดี

บุรีรัมย์แห่ใช้คนละครึ่งพลัส วันแรก คึกคัก ประชาชนกล้าใช้จ่ายมากขึ้น

วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดให้ใช้บริการโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งพบว่าตามร้านค้าจำหน่ายอาหารตามสั่งจังหวัดบุรีรัมย์ แผงขายผลไม้ ร้านค้าขายอาหารสดแห้งและร้านค้าทั่วไป ในเขตเทศบาลนครบุรีรัมย์ เริ่มมีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาลือกซื้อสินค้า โดยส่วนใหญ่พยายามมองหาร้านค้าที่ติดตั้งป้าย  ร้านนี้เข้าร่วมโครงการ คนละครึ่งพลัส เพื่อจะได้สแกนจ่ายค่าสินค้ากับทางร้านที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ทำให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส จะมีประชาชนเข้ามาเลือกซื้อสินค้ากันมากกว่าร้านค้าทั่วไปที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ

ขณะเดียวกัน พบว่าประชาชนผู้ใช้บริการหลายราย ติดขัดปัญหากับการสแกนจ่ายสินค้า เนื่องจากหลายรายลืมขั้นตอนว่าจะต้องโอนจ่ายเงินเข้าระบบตรงไหนของโครงการ แต่โชคดีที่ทางร้านค้าได้ช่วยอธิบาย และสอนวิธีการใช้ให้กับประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ จึงทำให้ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ สามารถใช้บริการได้สะดวกง่ายยิ่งขึ้น

น.ส.ศุพานันท์ ดอกไม้พวง แม่ค้าขายผลไม้ บอกว่า วันนี้มีลูกค้าหลายราย เข้ามาสอบถามเพื่อจะซื้อสินค้าและสแกนคนละครึ่งกันตั้งแต่เช้าหลังจากเปิดร้าน ซึ่งมองว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดีช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก และทำให้คนอยากใช้จ่ายเงินกันมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ที่ไม่ค่อยกล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย แต่พอมีคนละครึ่งเข้ามาทำให้กล้าที่จะจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น เพราะอย่างน้อยจ่ายแค่ครึ่งเดียวช่วยให้ประหยัดได้ขึ้นเยอะ

นางนงคราญ ไกรนอก แม่ค้าอาหารตามสั่ง บอกว่า ในวันแรกนี้ก็อาจจะดูยุ่งๆ สักหน่อยเนื่องจากลูกค้าหลายคนลืม  เพราะไม่ได้ใช้มานาน ทางร้านก็ต้องแนะนำการใช้ให้กับลูกค้าด้วยไปในตัว แต่ตนก็ยังจำได้เพราะครั้งที่แล้วก็ได้เข้าร่วมโครงการ และในวันนี้ลูกค้าก็เริ่มเข้ามาใช้บริการกับทางร้านอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการช่วยกระตุ้นยอดซื้อได้เป็นอย่างดี และอยากให้มีโครงการนี้ต่อไป

นายอรุณสวัสดิ์ ชิ้นเพชร ประชาชนที่ใช้บริการคนละครึ่งพลัส บอกว่า กดใช้ครั้งแรกยังใช้ไม่เป็น ต้องให้แม่ค้าที่ตนมาซื้อก๋วยเตี๋ยวเป็นคนสอนให้ แต่ตอนนี้ใช้เป็นแล้วง่ายขึ้นเยอะ และถือเป็นโครงการที่ดีอยากให้มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

น.ส.วิลาศิณี เตือนใจ บอกว่า จากที่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย 100 บาท ก็ได้จ่ายแค่ครึ่งเดียวทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นอย่างดี ถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างดี และประชาชนกล้าที่จะใช้จ่ายกันเพิ่มมากขึ้นจากเดิม      

นางเพ็ญพรรณ จันทร์สิงห์ บอกว่า เพิ่งได้เริ่มใช้และก็ไม่ได้ใช้มานานแล้วก็ลืมวิธีการใช้ ว่าจะต้องเติมเงินเข้าแบบไหน ใช้ยังไง แต่ก็ดีที่ได้แม่ค้าเป็นคนแนะนำวิธีการใช้ให้จึงทำให้สะดวกขึ้น โดยมองว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี และตอบโจทย์กับความต้องการของประชาชนได้เป็นอย่างดี และอยากให้มีโครงการนี้เกิดขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าดีใจที่ได้โครงการนี้กลับมา.