วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ระบุว่า จากเรื่องราวของ ทีมหมอนทอง ที่ได้รองแชมป์ฟุตบอลนักเรียน ช่อง 7HD นั้น
ผมมีมุมมองในแง่มิติทางสังคม พหุวัฒนธรรม เชื้อชาติ ศาสนา ที่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาไปพิจารณาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง และด้านการศึกษา
ขอสรุปอย่างนี้ละกัน
ควรใช้กรณี “หมอนทอง” เป็นโมเดลในการแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยไม่มีการเลือกปฏิบัติทางด้านศาสนา หรือ เชื้อชาติ
รร.หมอนทอง เดิมเป็น รร.ปอเนาะ เล็กๆ ในชุมชนพี่น้องไทยมุสลิม อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
เดิมรับนักเรียนมุสลิม 100 % ต่อมาเป็น รร.ในสังกัด สพฐ. เปิดกว้างรับนักเรียนต่างศาสนิก ให้มาเรียนและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ไม่มีแบ่งเขาแบ่งเรา ตรงนี้ผมมองว่าคือความสวยงามที่เป็นอัตลักษณ์ของสังคมไทย ที่เด่นมาก
การที่คนไทยแห่ให้กำลังใจทีมเล็กๆนี้ เกือบทั้งประเทศ แสดงให้เห็นว่า คนไทย นั้นมีใจเปิดกว้าง ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ถ้าใครทำดี มีความพยายาม มีความมุมานะอดทน ถึงแม้ไม่ร่ำรวย คนไทยใจดี พร้อมจะสนับสนุน
ผมได้อ่านเม้นท์ของน้องๆนักเรียนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เข้ามาโพสท์ให้กำลังใจทีมหมอนทอง อยากเป็นอย่างทีมหมอนทอง
ตรงนี้ ศธ. หรือ ก.ท่องเที่ยวและกีฬา ควรเอากรณี หมอนทอง ไปเป็นโมเดล เอาไปต่อยอด ปรับใช้กับการศึกษาในพื้นที่ทางใต้ โดยใช้กีฬา เช่น ฟุตบอล เป็นตัวนำร่อง สร้างความสมัครสมานสามัคคีให้เห็นว่าถึงเราจะแตกต่าง แต่เราอยู่ร่วมกันได้
ตรงนี้ผมชอบประโยคที่ อจ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ ท่านกล่าวในทำนองว่า เด็กบางคนเหมือนแก้วที่แตก แต่ อจ.ไปรวบรวมเอาแก้วที่แตกนั้นมาหลอมรวมให้เป็นแก้วใบใหม่
ประโยคนี้เป็น keywords ในการต่อยอด หมอนทองโมเดลเลยครับ ให้กระจายไปทั่วประเทศโดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้
ผมชอบภาพที่พี่น้องไทยมุสลิม เหมารถกันมา จากที่ต่างๆ บ้างก็ใส่ฮีญาบ แต่ทุกคนก็มาร่วมเชียร์พร้อมๆกับพี่น้องไทยศาสนิกอื่นๆ ไม่ว่า พุทธ คริสต์ ฯลฯ ภาพที่สนามศุภฯ วันนั้นเป็นภาพประวัติศาสตร์
ผมในฐานะคนที่เกี่ยวข้องกับการทำภาพยนตร์ การ PR ประเทศไทย ขอให้หน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ใช้ภาพผู้คนที่ยิ้มแย้มมาร่วมส่งเสียงเชียร์เอาไปทำ คลิป ทำ infographic ใช้ PR ให้ประเทศอื่นได้เห็น
ขอเว้ากันตรงๆ เลยก็ได้ โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านบางแห่งที่อาจจะใจแคบ หรือ โลกทัศน์ไม่เปิดกว้าง ซึ่งผมชอบตามอ่านในสื่อโซเชียลต่างๆ พวกนี้ชอบวิจารณ์แบบไม่รู้จริง กล่าวหาว่าไทยเลือกปฏิบัติกับคนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา
ใช้ภาพจากกรณีหมอนทองเนี่ยแหละ เอาไปยันให้เห็นว่าที่พวกคุณกล่าวหาน่ะมันไม่จริง !
ในทางตรงกันข้ามในประเทศของพวกเขาเปิดกว้างและยอมรับได้อย่างไทยเราหรือไม่ ?
ขอยกตัวอย่างที่ครั้งนึงผมเคยพาคณะสื่อต่างประเทศลงไปถ่ายทำสารคดีที่เกาะปันหยี จ.พังงา
เกาะปันหยีที่ผมไปตอนนั้น สื่อต่างประเทศได้เห็นสนามฟุตบอลลอยน้ำของโรงเรียนชุมชนเกาะปันหยี ทุกคณะบอกว่าเป็นสนามฟุตบอลที่สวยมากแห่งนึงของโลก
ยิ่งตอนที่ผมพาคณะไปสัมภาษณ์คุณครู กับ ชาวบ้านบนเกาะ ยิ่งประทับใจ ตอนนั้นจำได้ว่า คุณครูบางคนเป็นพุทธ มาสอนลูกศิษย์ที่เป็นมุสลิมที่เกาะ ชาวบ้านก็ดูแลครูเป็นอย่างดี เด็กๆก็รักครู
จำได้ที่ครูให้สัมภาษณ์สื่อได้ดีว่า เช้าๆครูจะลงเรือจากแผ่นดินใหญ่มาสอนหนังสือที่เกาะปันหยี ผู้ใหญ่บ้านของชุมชนก็ดูแลครูเป็นอย่างดี ครูเดินไปไหน ชาวบ้านก็ทักทายให้ความสนิทสนมเป็นกันเอง
สื่อต่างชาติยังออกปากชมกับผมเลยว่า อยากให้พวกที่รบกันในตะวันออกกลางได้มาเห็นภาพแบบนี้บ้าง
ผมไม่ได้ลงไปเกาะปันหยีมานานหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าสนามฟุตบอลลอยน้ำยังอยู่หรือเปล่า
ถ้ายังอยู่อยากเห็นทีม รร.เกาะปันหยี ได้มีโอกาสมาแข่งแล้วแจ้งเกิดได้เหมือน รร.หมอนทองวิทยา
อยากเห็น “ครู” ที่มีจิตวิญญาณเป็น “ครู” อย่าง อจ.สกล ไปปั้นทีมจาก รร.เกาะปันหยีให้มีโอกาสกับเค้าบ้าง
จริงๆแล้วไม่ใช่เฉพาะที่เกาะปันหยีอย่างเดียว แต่อยากเห็นทีมฟุตบอล รร.จากชายแดน ชายขอบ พรมแดนด้านต่างๆที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านได้รับโอกาสเหมือนทีม รร.หมอนทองบ้างครับ
บทความนี้อาจยาวไปหน่อย ถ้าใครเบื่อก็เลื่อนผ่าน ถ้าใครชอบก็แชร์ไปได้เลย ผมอนุญาตครับ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี