วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นับแต่ปี 2535 ผมเป็นคนแรกที่จัดรายการโดยเชิญว่าที่นายกรัฐมนตรีมาประชันวิสัยทัศน์ เช่น อานันท์ ปันยารชุน พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ชวน หลีกภัย พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ บรรหาร ศิลปอาชา อำนวย วีรวรรณ ทักษิณ ชินวัตร มาเข้าร่วมรายการ “มองต่างมุม” และ “ขอคิดด้วยคน” เพื่อให้ประชาชนได้เห็นบุคลิกภาพของผู้นำประเทศ วิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น ผูกพันสัญญาว่านโยบายใดจะทำเมื่อได้เป็นผู้บริหารประเทศ เป็นต้น
1.ในยุคถัดมาการประชันวิสัยทัศน์ กลายเป็นการแสดงโวหาร แสดงวาทกรรม หาเสียง เช่น ไล่หนูตีงูเห่า ร่วมกันปิดสวิตช์ 3 ป. เพื่อให้คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีลุงไม่มีเราหยุดทุนผูกขาด ล้างระบบเส้นสาย กระจายอำนาจ กระจายรายได้ ทำลายคอร์รัปชั่น ค่าแรง 700 บาท ปริญญาตรี 20,000 บาท แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งเป็นการใช้สื่อมวลชนแข่งกันเอาใจ สัญญาว่าจะให้ และพูดลอยๆ ให้ดูดี คิดเอง โดยที่ว่าที่นายกรัฐมนตรีก็หลีกเลี่ยงที่จะมาร่วมในการประชันวิสัยทัศน์
2.ขณะที่ ปัจจุบันประเทศไทย อยู่ในสภาวะที่ตกต่ำอย่างที่สุด มีปัญหารุมเร้ามากมาย ต้องการผู้บริหารประเทศที่รู้จริง เข้าใจปัญหา พรรคการเมือง มียุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา ที่ทำได้จริงและปรับเปลี่ยนโครงสร้างได้ ประชาชนจึงควรได้รับฟังว่าพรรคการเมืองใด มีแนวคิด วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การบริหารประเทศในด้านต่างๆ ที่ไทยประสบปัญหาอย่างไร ไม่ใช่มาโต้วาที โต้ฝีปาก ประชันวิสัยทัศน์อย่างที่เคยทำในอดีต
3.สถาบันวิชาการ ราชบัณฑิตยสถาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย สถาบันสื่อมวลชน องค์กรภาคประชาสังคม หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง น่าจะได้ออกแบบเพื่อให้พรรคการเมืองมาแสดงวิสัยทัศน์ถึงยุทธศาสตร์ในการบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาที่สำคัญ ซึ่งชาติไทยกำลังประสบปัญหาทรุดโทรม ล้มเหลว
4.โดยแจ้งประเด็นปัญหาของประเทศที่สังคมต้องการรับรู้ถึงนโยบาย อย่างชัดเจนด้วยการแจ้งต่อพรรคการเมืองเป็นการล่วงหน้า 1-2 เดือน และเชิญให้ พรรคการเมือง มาแสดงนโยบาย วิธีการว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร ทำเมื่อไร จะใช้งบประมาณจากที่ไหน ใครบ้างจะได้รับประโยชน์
5.สื่อมวลชนจะได้ถ่ายทอดให้ประชาชนทั้งประเทศ ได้รับรู้ภูมิปัญญาของพรรคการเมือง แต่ละพรรคที่จะเข้าไปบริหารประเทศ ในสภาพปัญหาวิกฤตของประเทศ เช่น
● การฟื้นฟูศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทยในประชาคมโลก
● การลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมทั้งทางเศรษฐกิจและกระบวนการยุติธรรมให้กับคนในสังคมไทย
● การกระจายอำนาจการตัดสินใจให้ท้องถิ่น ได้บริหารจัดการปัญหาในท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งมีความแตกต่างในแต่ละท้องถิ่น
● การทำลายการผูกขาดในธุรกิจและระบบเศรษฐกิจ เพื่อสร้างประสิทธิภาพด้วยการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
● การเสริมสร้างประสิทธิภาพและขจัดการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
● การแก้ไขระบบอุปถัมภ์ที่ยั่งลึกในสังคมไทย ที่เอื้อประโยชน์ของพรรคพวกและตนเอง
● ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การดำรงสถานะของไทยในอาเซียน ความสัมพันธ์กับมหาอำนาจ และการรักษาทรัพยากรสิ่งแวดล้อมของไทย
● การวางระบบรองรับสังคมสูงวัย ที่ไทยจะมีคนวัยทำงานน้อยลง เด็กเกิดใหม่น้อยลง แต่ผู้สูงวัยอายุยืนขึ้นและมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น
● การวางแผนป้องกันอุบัติภัยที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งจะเกิดในต่างพื้นที่ต่างรูปแบบ น้ำท่วม น้ำแล้ง ไฟป่า ดินถล่ม น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง รวมถึงแผ่นดินไหว
● อื่นๆ
6.การให้โจทย์กับพรรคการเมืองเป็นการล่วงหน้า จะทำให้พรรคการเมืองได้ระดมความคิดเรียนรู้จากข้อมูลและผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทำให้การแสดงนโยบาย ยุทธศาสตร์ และวิธีการบริหารจัดการ ไม่เลื่อนลอย ไม่มีแต่สำนวนโวหาร หรือวาทกรรมเพื่อหาเสียง
อีกทั้งยังเป็นหลักฐาน ผูกพัน ผูกมัดในการบริหารแผ่นดิน
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี