23 เม.ย.57 มีรายงานข่าวแจ้งว่า "อดีตพระยันตระ" หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้ถูกดำเนินคดีในข้อหาว่า ต้องปาราชิกาธิกรณ์ และถูกมติมหาสมาคมลงให้พ้นจากภาวะพระภิกษุ จนหลบหนีไปสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2537
โดยเฟสบุ๊คของ เทศบาลเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้โพสต์รูปภาพและข้อความ โดยระบุว่า เทศบาลเมืองปากพนัง เยี่ยมพระอาจารย์ยันตระ โดย นายพิเชษฐ์ กล้าสุคนธ์ นายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมพระอาจารย์ยันตระ ณ ชุมชนต้นหาด เมื่อวันที่ 21 เม.ย.57
ทั้งนี้ อดีตพระยันตระ เดินทางกลับประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากคดีความต่างๆ ผ่านมา 20 ปีแล้ว น่าจะหมดอายุความ
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2537 ชื่อของ "พระยันตระ อมโรภิกขุ" หรือ "พระวินัย อมโร" ในวัย 40 ปี เป็นข่าวโด่งดังในหน้าหนังสือพิมพ์นานหลายเดือน หลังจากมีสีกากลุ่มหนึ่งร้องเรียนไปยังกรมการศาสนาว่า "พระยันตระ" หรือ "นายวินัย ละอองสุวรรณ" ประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่สมณเพศ เพราะได้ไปล่อลวงสีกาชื่อ "จันทิมา มายะรังษี" ไปเสพเมถุนจนตั้งครรภ์ และคลอดบุตรสาวออกมาตั้งชื่อว่า "เด็กหญิงกระต่าย" โดยสีกากลุ่มนี้ได้งัดเอาเทปสนทนาระหว่างพระยันตระกับนางจันทิมาออกมาใช้เป็นหลักฐานด้วย
ซึ่งการออกมาเปิดโปงเรื่องนี้ กลายเป็นข่าวช็อกของวงการพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง เพราะต้องยอมรับว่า ในสมัยนั้น "พระยันตระ" ได้รับความศรัทธาเลื่อมใสจากพุทธศาสนิกชนมหาศาล ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักพรตฤาษี กระทั่งอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในธรรมยุติกนิกาย ในปี พ.ศ.2517 ณ วัดรัตนาราม อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จนมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ภายหลังจึงมีผู้สร้างสำนักถวายหลายแห่ง โดยทุกวัดที่สร้างในสำนักเขาจะใช้ชื่อว่า "สุญญตาราม" ประกอบด้วยเสมอ แต่สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี