ปาฏิหาริย์ปรากฏอัฐิทั้งหมดกลายเป็นพระธาตุสร้างความฮือฮาศรัทธาเลื่อมใสคณะศิษย์ได้ช่วยกันเก็บพระธาตุ (ชิ้นส่วนใหญ่) ทั้งหมดเข้าพิพิธภัณฑ์ ส่วนที่เหลือติดอยู่ในซอกกำแพงปูนของกองฟอนก็แบ่งจ่ายแจกกันไปบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล
ครั้งหนึ่งหลวงปู่อาพาธ แพทย์เอกซเรย์พบว่ากระดูกมีสภาพโปร่งใส พระครูบวรธรรมสถิต ฮุ้น กีตะปุญโญ รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระมงคล ศิษย์สาย หลวงปู่ลี ธัมมธโร วัดอโศการามฯ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ หลวงปู่มหาเจิม เล่าถึงอดีตปูมหลังว่าหลวงปู่มหาเจิมเป็นชาวบ้านหนองแหน พนมสารคาม ปัจจุบันหมู่บ้านนี้แยกมาขึ้นกับ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตั้งแต่อายุ 12 ปี ณ วัดแสนภุมมาวาส สายมหานิกาย แล้วจึงย้ายมา วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) หรือ หลวงปู่มหาเจิม ได้ญัตติเป็นสามเณรคณะธรรมยุต และอุปสมบทเมื่ออายุย่าง 21 ปี และได้ศึกษา เปรียญธรรม ถึงประโยค 5
หลวงปู่มหาเจิมได้พบกับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลังมาวัดบรมนิวาส (ในภพนิมิตเกิดความเลื่อมใส) จึงหันมาทางปฏิบัตินั่งสมาธิภาวนาจนรู้แจ้งเห็นธรรม แล้วตัดสินใจออกธุดงค์ยุติการเรียนธรรมบาลีขึ้นภาคเหนือสู่ จ.เชียงใหม่ ขณะจำพรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง ได้รับนิมนต์เป็นครูสอนนักธรรมพระด้วย จากนั้นจึงได้ธุดงค์ไปหลายจังหวัด ทั้งภาคตะวันออก อีสาน และใต้ พบกับสหายธรรมที่เคร่งครัดธรรมวินัยหลายท่าน โดยจำพรรษาทั้งวัดป่าคลองกุ้ง จันทบุรี วัดสักแห้ง หล่มสัก เพชรบูรณ์ วัดอรัญญวาสี ท่าบ่อ หนองคาย วัดชมพูศรีบรรพต (วัดคลองช่องลม) กระบี่
ยามที่ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดวิเวการาม (วัดเขาน้อย) ท่าแฉลบ จันทบุรี หลวงปู่มหาเจิมได้เข้าพบและสนทนาธรรมกันจนติดใจ จึงได้ตามติดไปถึงท่าฉัตรชัย ภูเก็ต ในช่วงก่อนที่หลวงปู่เทสก์จะขึ้นมาสร้างวัดที่หนองคาย จากนั้นหลวงปู่ มหาเจิมก็แยกย้ายธุดงค์ต่อไปที่กระบี่ ท้ายสุดหลวงปู่มหาเจิมธุดงค์จากภาคใต้มาที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทารามสามโคก ปทุมธานี แต่ไม่ได้จำพรรษา แล้วจึงปักหลัก ณ วัดสระมงคล จ.นครปฐม ในปีเดียวกัน (2535)
กระทั่งถึงวาระละสังขาร ตลอดชีวิตของหลวงปู่มหาเจิม ได้ปฏิบัติกิจเผยแผ่ธรรมปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง หลังละสังขาร ศิษยานุศิษย์กลุ่มหนึ่งจึงสืบสานปฏิปทานสร้างสถานปฏิบัติธรรม ขึ้น ณ ต.สวนป่าน อ.เมือง จ.นครปฐม ในพิกัดห่างจากเพชรเกษมจุดแยกไปบ้านโป่งกับราชบุรี ประมาณ 1 กิโลเมตร ตั้งชื่อว่า.สวนธรรม แสงเทียน ด้วยความศรัทธาและเลื่อมใส...
มีศิษย์หลายท่านได้สัมผัสกับปาฏิหาริย์ของหลวงปู่มหาเจิม โดยมีหลักฐานเป็นรูปธรรมยืนยันว่ามีหลายคนที่อุทิศตนเป็นผู้ปรนนิบัติหลวงปู่มหาเจิมบอกว่า เมื่อหลายปีก่อนได้เส้นเกศาหลวงปู่เอาเก็บไปบูชา ปรากฏว่าแข็งกลายเป็นแก้วใสและรวมกันจับเป็นก้อนซึ่งน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก และเมื่อช่วงที่หลวงปู่มหาเจิมอายุครบ 90 ปี (2549) ได้อนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคล เป็นกรณีพิเศษ โดยมีข้อแม้ว่าอนุญาตให้จัดสร้างเพียงครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย จากนั้นให้เลิกอย่างเด็ดขาดโดยตั้งชื่อว่ารุ่นปัญญาบารมีอัน
ประกอบด้วย พระยอดธง รูปเหมือนลอยองค์ เหรียญรูปไข่ เหรียญเสมา ล็อกเกต รูปเหมือนหลวงปู่ยืนถือไม้เท้า และพระปิดตาเนื้อผงซึ่งหลวงปู่มหาเจิมเป็นประธานดำเนินพิธีกรรม โดยมีอริยสงฆ์ที่เข้มขลังจากแดนไกลหลายรูปร่วม และกำหนด มิให้แจกวัตถุมงคลรุ่นนี้ฟรี เพราะของที่ได้เปล่าๆ มักมองไม่เห็นถึงคุณค่า แต่มิให้เป็นพาณิชย์...จึงเก็บค่าบูชา เพียงองค์ละไม่เกิน 100 บาท
ด.ต.สุธี เสรีเผ่าวงษ์ ผู้บังคับหมู่ อำนวยการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบ.หมู่ อก.บก.7) ได้บอกถึง คำร่ำลือพุทธคุณของเหรียญหลวงปู่ ว่ามีผู้ต้องหาหลายรายที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท สุดท้ายจบด้วยการใช้อาวุธปืนยิงกัน เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ผู้ต้องหาที่ถูกยิงหลายรายเสื้อมีรอยทะลุจากลูกกระสุนแต่ผิวหนังไม่เป็นไร
ผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่งที่ประจำหมู่ 2 ต.บางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม เล่าว่าครั้งหนึ่งเคยมีคนนำเหรียญหลวงปู่มหาเจิมรุ่น 1 และเป็นรุ่นเดียวที่มีการจัดสร้างขึ้นมาในสมัยนั้น และวัตถุมงคลก็ยังมีอยู่อีกมากมีคนเคยลองยิงทดสอบพุทธคุณ ลูกปืนกลับไม่ระคายผิวองค์พระแม้แต่น้อย คนเก่งนักลองของหลังกดไกปืนกลายเป็นอัมพาตไปครึ่งตัว ใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าจะหายเป็นปกติเล่นเอาเข็ดหลาบกันทั้งกลุ่ม
ด้วยเจตนาของหลวงปู่มหาเจิมให้มงคลวัตถุรุ่นนี้ในพลังสันติสุขอันเป็นลาภที่ยั่งยืนแต่กลับแปรเปลี่ยนไปในทางอยู่ยงคงกระพัน คือสัญญาณแห่งความวุ่นวายคือทุกข์จึงสอนสั่งอย่าได้ลองของถือเป็นการลบหลู่
ปัจจุบันสังขารหลวงปู่มหาเจิมยังอยู่ที่วัดสระมงคลให้ลูกศิษย์ลูกหามากราบไหว้ตลอดทุกวันซึ่งประชาชนสามารถแวะไปนมัสการได้ที่วัดสระมงคล จ.นครปฐม ท่านใดสนใจวัตถุมงคลหลวงปู่มหาเจิมติดต่อสอบถาม 083-9162422 ,082-6503391 ตลอด 24 ชม. เพื่อนำเงินบูรณะวัดตามเจตนารมณ์หลวงปู่ที่สั่งเสียไว้ก่อนมรณภาพลง
ณรงค์ฤทธิ์ กิจเจริญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี