ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อดิศักดิ์ ปัตติยะ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยพลังงานชีวภาพและทรัพยากรหมุนเวียน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยถึงผลงานวิจัยการผลิตไบโอออยล์จากชีวมวลด้วยกระบวนการไพโรไลซีสแบบเร็ว ว่า การผลิตไบโอออยล์ จากของเหลือใช้จากการเกษตรมีความสำคัญอย่างมากในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและมีของเหลือทิ้งจากการทำเกษตรกรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งยังไม่มีการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางด้านพลังงานอย่างจริงจัง จากความจำเป็นและความสำคัญดังกล่าว ตนจึงได้ทำการวิจัยเรื่องนี้ขึ้น โดยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่หมุนเวียนได้คือ ชีวมวล เช่น ใบอ้อย ยอดอ้อย เหง้ามันสำปะหลัง ลำต้นมันสำปะหลัง หรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรชนิดไหนก็ได้โดย วิธีการก็คือ ถ้ามีความชื้นมากเราต้องอบให้แห้ง ให้มีความชื้นต่ำกว่า 10 % หลังจากนั้น นำชีวมวลมาผ่านกระบวนการที่เราเรียกว่าฟาสไพโรไรซีส(Fast pyrolysis) หรือไพโรไรซีสแบบเร็ว ซึ่งเป็นกระบวนการให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 500 องศาเซลเซียส ในสภาวะที่ไม่มีอากาศหรือไม่มีออกซิเจน เมื่อชีวมวลเข้าไปสู่บริเวณที่มีอุณหภูมิ 500 องศาเซลเซียส เกิดการสลายตัวทางความร้อนอย่างรวดเร็ว กลายเป็นควัน สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือถ่านชาร์ ควันพร้อมถ่านชาร์ถูกพาออกบริเวณโซนร้อนอย่างรวดเร็ว ผ่านอุปกรณ์ที่เราเรียกว่าไซโคลนเพื่อแยกถ่านชาร์ออก เสร็จแล้วเฉพาะควันผ่านไปยังชุดควบแน่น โดยชุดควบแน่นเราใช้ 2 ตัวร่วมกัน คือชุดควบแน่นด้วยน้ำกับใช้ระบบดักจับด้วยไฟฟ้าสถิต สองตัวนี้ทำให้ควันรวมตัวกลายเป็นของเหลวที่เราเรียกว่าไบโอออยล์(Bio-oil)”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อดิศักดิ์ ปัตติยะ กล่าวต่อไปว่า ไบโอออยล์โดยทั่วๆไป จะผ่านกระบวนการ Fast pyrolysis แบบปกติธรรมดาทั่วไป สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในเกรดน้ำมันเตา มีสมบัติเทียบเท่ากับน้ำมันเตา แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือค่าความร้อนจะต่ำกว่าประมาณครึ่ง แต่ว่าในต่างประเทศ มีการนำน้ำมันเตาชีวภาพ ไปใช้ในBoiler เพื่อผลิตไฟฟ้าและผลิตความร้อน ใช้งานกันจริงๆได้ แล้ว สำหรับการใช้ประโยชน์ส่วนหนึ่งนำไปผสมกับน้ำมันดีเซลประมาณ 10% เพื่อทดสอบวิ่งในรถยนต์ที่เราได้ทดสอบมาก็คือในรถอีแต๋น สามารถใช้งานได้ในสัดส่วน 10% เสร็จแล้วการต่อยอดจากนี้ไปเราสามารถที่จะปรับปรุงคุณภาพภายในกระบวนการให้มีสมบัติดีขึ้นได้ ซึ่งในระดับงานวิจัยสามารถทำได้แล้ว จะได้น้ำมันสีเหลืองใส ซึ่งเราทดสอบทางเคมีพบว่ามีสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซิน เราก็เลยเรียกว่าน้ำมันไบโอแก๊สโซลีน (Biogasoline) แต่ ปริมาณที่เราผลิตได้ยังมีปริมาณน้อยเกินกว่าที่เราจะนำไปทดสอบในเครื่องยนต์เบนซินโดยไม่มีการปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น ดังนั้น การต่อยอดขั้นต่อไปเราต้องทำการขยายกำลังการผลิตเพื่อผลิตน้ำมันให้มีปริมาณมากขึ้นและไปทดสอบในเครื่องยนต์เบนซิน เช่น ในรถยนต์หรือจักรยานยนต์ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี