7 ม.ค.58 กรณีเมื่อวันที่ 5 ม.ค.57 เวลา 03.30 น. ที่ผ่านมา นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้สั่งการให้ นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า พร้อมด้วยนายเชิดชาย ปัทม ยุตานนท์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา นายบุญส่ง ฉายไสว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.บางนายสี พร้อมกำลังฝ่ายปกครอง จำนวน 30 นาย สกัดจับแก๊งขบวนการค้ามนุษย์ ลักลอบขนชาวโรฮิงญา ที่ใช้เส้นทางผ่านอำเภอตะกั่วป่า หลังจากรับแจ้งจากชาวบ้านว่า แก๊งดังกล่าวได้ขนชาวโรฮิงญาจากจังหวัดระนอง เพื่อจะนำไปภาคใต้ ส่งไปประเทศมาเลเซีย ซึ่งนายมานิต ได้เรียกกำลังทั้งหมดออกซุ่มตามจุดพื้นที่หมู่ที่ 9 บ้านบางกรักใน ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา โดยได้เข้าไปซุ่มตัวในสวนยางตั้งแต่ตอนค่ำ จนกระทั่งเวลา 03.30 น.นายมานิต ได้รับแจ้งว่าชุดปกครอง ได้มีแก๊งค้ามนุษย์ได้ใช้รถยนต์จำนวน 3 คัน กำลังแยกย้ายขนลำเลียง ชาวโรฮิงญา ขึ้นรถแต่ละคัน บริเวณบ้านบางกรักใน หมู่ที่ 9 ต.โคกเคียน อ. ตะกั่วป่า ซึ่งอยู่ในสวนยางพารา
ดังนั้นนายมานิต ได้สั่งกำลัง เข้าไปสกัดจับทันที จนรถรถ รถยนต์ กระบะหมายเลขทะเบียน ฒน.165 กรุงเทพ และรถกระบะอีกสองคัน ขับออกมา นายมานิต ให้สัญญาณขอตรวจค้น แต่คนขับขับรถหลบหนีลงข้างทางและชนรถนายอำเภอ รถชาวบ้านที่จอดอยู่หน้าบ้าน และชนเสาไฟฟ้าหัก 1 ต้น ชนเสาไฟฟ้าอีก จนรถพัง คนขับหนีไปได้ หลังรถมาชาวโรฮิงญา อยู่ 16 คน ส่วนรถอีกสองคันได้ขับหนีเข้าไปในสวนปาล์มจอดรถทิ้งไว้ คนขับหนีไปได้ ชาวโรฮิงญา หนีเข้าไปด้วยความมืด นายมานิต ได้ตามจับมาได้ รวมทั้งหมด 50 คน มีเด็ก 6 คน ยึดรถได้ 3 คัน
ต่อมา เมื่อวันที่ 7 ม.ค.58 นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า พร้อมด้วยนายดำรง ฉิมทับ นายเจษฎา ธิติมุทา ปลัดอำเภอตะกั่วป่า และนายเชิดชาย ปัทมยุตานนท์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เจ้าหน้าที่ อส.ตะกั่วป่า เจ้าหน้าที่ ชรบ.ตะกั่วป่า สนธิกำลังจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นผู้ขับรถขนแรงงานต่างด้าวได้จำนวน 2 คน ทราบชื่อ นายฤทธิ์ธีเดช คงสงค์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/95 หมู่ 5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง คนขับกระบะมิตซูมิชิ ไทตั้น ตอนครึ่งสีดำ หมายเลขทะเบียน ฒน.165 กรุงเทพ และ นายวิรัตน์ กูลกิจ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 9 ต.คุระบุรี อ.คุระบุรี จ.พังงา ขับรถกระบะโตโยต้าวีโก้สี่ประตูสีขาว หมายเลขทะเบียน กง 2547 ปัตตานี ตรวจสอบพบเป็นรถทั้ง 2 คัน ใช้ทะเบียนปลอมแปลง โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อคืน(วันที่ 5 ม.ค.57)ในขณะทางเจ้าหน้าแสดงตัวเข้าจับกุม นายวิรัตน์ กูลกิจ ได้ขับรถฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าฝ่ายปกครอง และชนรถของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายไปจำนวน 1 คัน และรถผู้ต้องหาเสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหาย จนรถไม่สามารถวิ่งต่อไปได้
จากนั้น นายวิรัตน์ ได้อาศัยความมืดหลบหนีไปได้ จากนั้นในช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมทำการตรวจค้นในพื้นที่ใกล้เคียงอีกครั้งจนพบว่านายวิรัตน์ ได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านของชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้น โดยได้แอบอยู่ในตู้เก็บถ้วยชามในครัว แต่เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นจึงได้จับกุมตัวในที่สุด ส่วนชาวต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองมาในครั้งนี้ที่ถูกจับกุมเป็นชาวเมียนม่าร์เชื่อสายมุสลิม รวม 37 คน แยกเป็นเด็กผู้ชาย 15 คน เด็กผู้หญิง 3 คน ผู้หญิง 3 และผู้ชาย 16 คน ส่วนชาวบังคลาเทศ รวม16 คน แยกเป็นเด็กผู้ชาย 3 คน ผู้ชาย 13 คน ร่วมทั้งหมด 53 คน
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทราบว่า นายวิรัตน์ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขับรถขนแรงงานต่างด้าวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง แต่ละครั้งที่ขนแรงงานต่างด้าวจะมี รถคุ้มกันด้านหน้าด้านหลังตลอดเส้นทาง ซึ่งขบวนการนี้เป็นขบวนการที่ใหญ่มีการจ่ายส่วยให้แก่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตลอดเส้นทางจนถึงประเทศมาเลเซีย หากหลุดรอดการจับกุมไปถึงประเทศมาเลเซียได้จะได้ค่าจ้าง 80,000 บาท ต่อหัวแรงงานต่างด้าว หากเป็นผู้หญิงจะได้ค่าหัวดีมาก แต่ถ้าหากหลุดรอดจากด่านทับกำ อำเภอตะกั่วป่า ไปได้จะไปเจอด่านที่จังหวัดพัทลุงถึงจังหวัดสงขลา ซึ่งด่านนี้จะมีชุดเฉพาะกิจร่วมกับ เจ้าหน้าที่บางหน่วยงาน ดูแลพื้นที่อยู่ หากถูกจับกุมที่ด่านนี้สามารถเคลียร์ได้โดยมีการจ่ายคันละ 3 แสนบาท ซึ่งด่านนี้ถือว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องมากที่สุด โดยมีการนำรถแต่งซิ่ง เครื่องยนต์แรงๆ ไว้คอยไล่กวดจับรถขนแรงงานต่างด้าวไว้โดยเฉพาะ และเป็นด่านที่ขึ้นชื่อเรื่องการรับผลประโยชน์กับขบวนการค้ามนุษย์มากที่สุดด้วย ถือว่า คุ้มค่าต่อการเสี่ยงขนแรงงานต่างด้าว ไปประเทศมาเลเซีย ตนคิดว่าจะทำสักสามถึงสี่ครั้งก็จะเลิก เนื่องจากรายได้ดี คุ้มต่อการเสี่ยง
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน สภ.ตะกั่วป่า แจ้งข้อกล่าวหา นำหรือพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อุปการะหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ และเข้ามาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต แก่คนไทยทั้ง 2 คน
ด้านนายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า จากเหตุหารณ์ดังกล่าวได้มีการตั้งด่านในครั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการทำผิดกฎหมายเนื่องจากเป็นจุดล่อแหลม เพราะฉะนั้น การฝึกอบรมชุดรักษาความปลอดภัยอำเภอและหมู่บ้าน เพื่อเพิ่มทักษะฝ่ายปกครองในการใช้อาวุธปืน การตั้งด่าน การตรวจค้น และการจู่โจมจับกุม เพื่อให้มีความชำนาญทั้งภาคทษฎีและภาคปฎิบัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัยอย่างสูงสุดต่อผู้ปฎิบัติ และจะสอบสวนเอาความผิดร้ายแรงกับหน่อยงานภาครัฐที่เข้าไปร่วมกับขบวนการค้ามนุษย์นี้อย่างถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัญหาการขบวนการค้ามนุษย์ในตอนนี้ถือว่าเป็นปัญหาระดับชาติที่รัฐต้องเร่งเข้ามาดูแลอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นขบวนการที่มีเครือข่ายที่ใหญ่ โยงใยถึงข้าราชการทุกระดับชั้น รวมทั้งคนในพื้นที่ซึ่งคอยเป็นหูเป็นตาให้กับขบวนการ โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อติดกับจังหวัดระนอง ลักษณะภูมิทัศน์ เป็นภูเขา และทะเลมีเกาะเล็กเกาะน้อย ง่ายต่อการหลบซ่อนตัว ซึ่งขบวนการค้ามนุษย์จะนิยมใช้เส้นทางสายอำเภอคุระบุรี – อำเภอตะกั่วป่ากันมากเพราะง่ายต่อการหลบหนี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี