“ทำไมป๊อปคอร์นที่เป็นผลผลิตจากข้าวโพดจึงกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม และมีมูลค่าการตลาดมหาศาล เมื่อหันกลับมามองข้าวตอกของไทย ที่ดูๆ แล้ว ก็ไม่แตกต่างจากป๊อปคอร์น แต่กลับไม่เป็นสินค้าระดับนานาชาติ ทั้งๆที่คนไทยรู้จักข้าวตอกมากกว่า 100 ปีทำอย่างไรให้ข้าวตอกไทยมีมูลค่ามากกว่าที่เป็นอยู่” นี่คือข้อสังเกตที่เป็นปัญหาคาใจจนนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ของนักวิทยาศาสตร์แถวหน้าของเมืองไทย รศ.ดร.สนอง เอกสิทธิ์ อาจารย์ประจำ หน่วยปฏิบัติการวิจัยอุปกรณ์รับรู้ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“คนไทยคุ้นเคยข้าวตอกกันดี ส่วนใหญ่จะนำมาใช้ในงานพิธีมงคล เพื่อสื่อความหมายถึงการแตกหน่อออกผล ความเจริญงอกงาม และส่วนประกอบในกระยาสารท ขนมไทยที่คุ้นเคยกันมานาน แต่มันก็เป็นผลผลิตที่ทำกินทำใช้กันแค่ภายในประเทศ มันยังไม่สามารถออกไปตีตลาดโลกได้อย่างป๊อปคอร์น จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากโครงการวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าข้าวไทย จากการนำข้าวตอกที่คั่วจากข้าวเปลือก มาวิเคราะห์พบว่า โครงสร้างข้าวตอกมีความคล้ายฟองน้ำ ที่มีรูพรุนขนาด 80-100 ไมโครเมตร ต่อเนื่องกันทั้งเม็ดข้าวตอก มีสมบัติในการดูดซับได้ดี”
ในขณะเดียวกัน รศ.ดร.สนอง ก็พบกว่า ในการทำอาหารไม่ว่าจะเป็นครัวเรือน หรือร้านอาหาร มักจะมีการใช้กระดาษซับน้ำมันกับอาหารประเภททอดเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระดาษซับน้ำมันก็มีราคาสูง และนำเข้าจากต่างประเทศ ใช้ได้เพียงครั้งหรือสองครั้งก็ต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่ ด้วยสมบัติการดูดซับน้ำมันของข้าวตอก น่าจะใช้ทดแทนกระดาษซับน้ำมันได้ดี
“ในการศึกษาเบื้องต้น พบว่าข้าวตอกสามารถดูดซับน้ำมันได้ดี และใช้ได้หลายครั้งกว่าที่ข้าวตอกจะอิ่มตัวด้วยน้ำมันจากอาหารทอด และเมื่อข้าวตอกซับน้ำมันเต็มที่แล้วในการกำจัดทำลายก็สามารถทำได้ง่าย ด้วยการนำไปเป็นอาหารสัตว์ได้ทันที ทำให้ไม่มีของเหลือทิ้ง ไม่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับกระดาษซับน้ำมันที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แม้จะผลิตจากกระดาษมีความปลอดภัยและสัมผัสอาหารได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระบวนการผลิตต้องมีการใช้สารเคมี เมื่อใช้เสร็จแล้วกลายเป็นขยะที่ต้องกำจัดไม่สามารถใช้ประโยชน์ต่อเนื่องได้ เหมือนกับข้าวตอกซับน้ำมัน ขณะนี้เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ในรูปของหมอนซับน้ำมันเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ในขั้นต่อไปจะได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวตอกซับน้ำมันในรูปแบบแผ่นพร้อมใช้งาน หรือรูปลักษณ์อื่นๆ ต่อไป เพื่อสามารถที่จะต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ต่อไป”
ไม่เพียงแต่ข้าวตอกซับน้ำมันอาหารเท่านั้น รศ.ดร.สนอง ยังมองประโยชน์ไปถึงการใช้ข้าวตอกเป็นวัสดุดูดซับน้ำมันและสารเคมี เช่น น้ำมันปนเปื้อนในแหล่งน้ำ สารเคมีปนเปื้อนในน้ำ น้ำมันที่หกบนพื้นถนน น้ำมันบนอุปกรณ์ช่าง การกำจัดคราบน้ำมัน ในโรงงานอุตสาหกรรม และอู่ซ่อมรถ เมื่อใช้ข้าวตอกไปซับน้ำมันหรือสารเคมีปนเปื้อนแล้ว วิธีกำจัดคือ การนำไปเผาใช้เป็นเชื้อเพลิงเป็นการใช้ประโยชน์อย่างครบวงจร ไม่สร้างมลพิษและสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเนื่องหลังการใช้ประโยชน์
อีกหนึ่งผลงานจาก “ข้าวตอกซับน้ำมัน” ที่รศ.ดร.สนอง เตรียมนำเผยแพร่สู่ตลาด คือการนำไปใช้เป็นวัสดุดูดซับและปลดปล่อยกลิ่นน้ำหอมระเหย ในวงการสปา หรืออโรมาเธอราปี ที่จะสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน
“การประยุกต์ นี้เป็นการใช้ประโยชน์ของโครงสร้างรูพรุนของข้าวตอก เพื่อกักเก็บและปลดปล่อยกลิ่นอย่างช้าๆ เมื่อนำข้าวตอกไปดูดซับน้ำมันหอมระเหย ใส่ในบรรจุภัณฑ์หอมระเหยดับกลิ่น พร้อมให้กลิ่นหอมในห้อง เหมาะกับห้องต่างๆ หรือใช้ในสปา ซึ่งผมกำลังศึกษา และพัฒนาวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งาน ให้นาน 3-6 เดือน ว่า ควรจะใช้ความร้อนแบบใด หรือต้องมีการปรับสมบัติเชิงพื้นผิวอย่างไรเพื่อที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับข้าวตอกในการกักเก็บกลิ่นหอมระเหย ก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ให้กับชุมชน เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ออกจำหน่าย ซึ่งเราตั้งใจที่จะเผยแพร่ให้ฟรีเป็นองค์ความรู้สาธารณะ เพื่อให้เขาสามารถนำไปทำเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชนได้อีกทางหนึ่ง”
รศ.ดร.สนอง บอกว่า สิ่งประดิษฐ์ “ข้าวตอกซับน้ำมัน” เป็นเพียงขั้นเริ่มต้นนวัตกรรมทางการเกษตร ให้ตอบโจทย์ในเบื้องต้นว่าข้าวตอกสามารถเป็นนวัตกรรม ที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ จากนี้ต่อไปก็ต้องเดินหน้าในการคิดประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับข้าวตอกไทยต่อไป
“การผลิตข้าวตอก ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องลงทุน ด้านเครื่องมือที่ซับซ้อน หรือมีราคาแพง การปรับเปลี่ยนสมบัติเชิงพื้นผิว หรือโครงสร้างของข้าวตอกก็ไม่ยุ่งยาก ต้นทุนการผลิตไม่สูง ผู้สนใจทั่วไป กลุ่มวิสาหกิจชุมชน SMEs+ สามารถทำได้เองด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่หาได้ในประเทศ สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้หลากหลาย การประดิษฐ์คิดค้นนี้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทยได้ เพราะเราสามารถนำข้าวเปลือกด้อยคุณภาพ ข้าวเปลือกความชื้นสูง และข้าวเปลือกที่ถูกแมลงทำลาย นำมาทำเป็นข้าวตอกได้ ด้วยกระบวนการผลิตข้าวตอกซับน้ำมัน การนำไปใช้ประโยชน์ รวมถึงการกำจัดข้าวตอกที่อิ่มตัวด้วยน้ำมัน ล้วนไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม หากในอนาคตสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวตอกซับน้ำมันออกสู่ตลาดให้สามารถนำไปใช้ได้ในภาคครัวเรือน อุตสาหกรรม ผมเชื่อว่าจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งของภาคการผลิต SMEs+ ผู้บริโภคเองก็จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ถูกลง เพราะเราสามารถผลิตได้เองภายในประเทศ”
ผลงาน “ข้าวตอกซับน้ำมัน” ของ รศ.ดร.สนอง เอกสิทธิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับไอเดียรักษ์โลกด้วยพืชผลทางการเกษตรของไทย ที่รับรางวัลการันตีความคิดสุดเจ๋งนี้ด้วยรางวัลเหรียญทอง จากงาน “2014 Kaohsiung International Invention Exhibition”(KIE2014) ณ เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน เมื่อเดือนธันวาคม 2557 ที่ผ่านมาอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี