นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวชาวบ้าน หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม นำปลาปักเป้าน้ำจืดที่หาได้จากลำห้วย ใกล้หมู่บ้านมาต้มรับประทานแล้วเกิดอาการช็อก หมดสติและเสียชีวิต จึงขอเตือนประชาชนว่าไม่ควรนำปลาปักเป้ามาประกอบอาหาร เนื่องจากประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจ และไม่สามารถแยกชนิดปลาปักเป้า ที่มีพิษและไม่มีพิษได้
ปลาปักเป้า มีทั้งปลาปักเป้าน้ำจืด และปลาปักเป้าน้ำเค็ม สารพิษที่อยู่ในปลาปักเป้าน้ำจืด คือ ซาซิท็อกซิน (Saxitoxin) ส่วนสารพิษที่อยู่ในปลาปักเป้าน้ำเค็ม คือ เทโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) การออกฤทธิ์ของซาซิท็อกซิน คล้ายกับเทโตรโดท็อกซิน แต่รุนแรงมากกว่า โดยส่วนที่มีพิษสูงที่สุด ของปลาปักเป้า คือ ตับ รังไข่ เครื่องใน รองลงมา คือ หนังปลาและเนื้อปลา ตามลำดับ สารพิษนี้ทนต่อความร้อนสูงมาก ดังนั้นการทำให้สุกจึงไม่สามารถทำลายพิษได้สำหรับผู้ที่รับประทานปลาปักเป้าเข้าไปมักจะเกิดอาการหลังจากกินประมาณ 30 นาที พิษของปลาปักเป้าจะมีผลต่อระบบกล้ามเนื้อและประสาท โดยจะเริ่มชาที่ริมฝีปากปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน กล้ามเนื้อแขน ขาอ่อนแรง เป็นอัมพาตและถ้ามีอาการช็อก อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 2-4 ชั่วโมง ปัจจุบันยังไม่มียาแก้พิษปลาปักเป้า จะต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาตามอาการและเนื่องจากพิษจะถูกขับทางปัสสาวะการให้ยาขับปัสสาวะจะช่วยให้พิษถูกขจัดออกได้เร็วขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี