วันศุกร์ ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ชงรัฐบาลตั้งศูนย์ตรวจมลพิษแม่น้ำในเชียงราย แนะรัฐเร่งสำรวจเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

ชงรัฐบาลตั้งศูนย์ตรวจมลพิษแม่น้ำในเชียงราย แนะรัฐเร่งสำรวจเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

วันศุกร์ ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 18.10 น.
Tag : เชียงของ เชียงราย มลพิษ แม่น้ำกก สารพิษ
  •  

ชงรัฐบาลจัดตั้งศูนย์ตรวจมลพิษจังหวัดเชียงราย ขณะที่ภาคประชาชนและหลายหน่วยงานรัฐไม่เห็นด้วยสร้างฝายดักตะกอนพิษ-แนะรัฐเร่งสำรวจเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุมแสนหวี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จ.เชียงราย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่องแนวทางการจัดการปัญหามลพิษ สิ่งแวดล้อม ในภาพรวมของแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย โดยมีตัวแทนจากภาครัฐและภาคประชาชน รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม


น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) และ International Rivers กล่าวว่า ปัญหามลพิษแม่น้ำ 4 สาย กก สาย รวก โขง หากไม่ยุติเหมืองเถื่อนรัฐฉานโดยทันที อาจจะเป็นเหมือนประสบการณ์ที่รัฐคะฉิ่น ภาคเหนือของพม่า คือกลุ่มคนจีนเข้ามาทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทบนภูเขาต้นน้ำลำธารกว่า 400 เหมืองเพื่อส่งแร่ราคาแพงนี้กลับไปจีน ส่งผลร้ายแรงต่อคุณภาพน้ำ แม่น้ำกลายเป็นกรด กระทบต่อสุขภาพของประชาชน ที่แม่น้ำโขงคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ได้ตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานตลอดแนวชายแดนไทยลาว และในตอนนี้แม่น้ำโขงกำลังจะถูกกั้นด้วยโครงการเขื่อนปากแบง ในลาว ซึ่งกำลังจะทำให้แม่น้ำโขงกลายเป็นอ่างนิ่งๆ สะสมสารโลหะ จึงเป็นคำถามว่าจะดำเนินการอย่างไร หากมีการเดินหน้าสร้างเขื่อนแล้วแม่น้ำโขงกลายเป็นน้ำพิษ

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ตั้งแต่ว่ามีการตรวจพบสารโลหะหนักจนถึงปัจจุบัน การแก้ปัญหานี้ของรัฐบาลสอบตก ขณะที่องค์กรภาครัฐระดับท้องถิ่นทำงานอย่างเต็มที่ แต่ไม่เห็นภาครัฐบาลให้ความสนใจอย่างจริงจังโดยเฉพาะเรื่องอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน การทำงานของรัฐต้องยกระดับในการแก้ไขปัญหา เหมือนกับกรณีของกัมพูชา เพราะที่นี่ก็เป็นสงครามเช่นกัน เป็นวิกฤตของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เรื่องนี้ไม่ใช้เป็นปัญหาเฉพาะบ้านเรา แต่เป็นความมั่นคงของรัฐและระหว่างประเทศ ดังนั้น กสม.ก็ต้องยกระดับไปถึงสิทธิมนุษยชนของอาเซียน หากปล่อยให้เป็นอยู่เหมือนปัจจุบัน หายนะเกิดขึ้นแน่นอน เพราะตอนนี้ไม่มีการแก้ไขที่ทำให้สารพิษหายไปได้ เพราะต้นเหตุคือเหมืองแร่ก็ยังปล่อยสารพิษอยู่ ชีวิตของประชาชนเหมือนอยู่ในสงคราม

“โครงการเขื่อนปากแบงที่จะกั้นแม่น้ำโขง เป็นเรื่องใหญ่ หากสารพิษตกตะกอนในอ่างจะเป็นเรื่องแก้ไขได้ยาก อาจต้องใช้เวลาอีกนับร้อยปี” นายนิวัฒน์ กล่าว

นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้เก็บตัวอย่างน้ำที่ท่าตอนเมื่อ 19 มีนาคม ผลออกปลายเดือน ตนใช้เวลาดูข้อมูลอยู่ 3 วัน ต้องถามเจ้าหน้าที่อยู่หลายรอบเพราะทราบดีว่าเมื่อประกาศออกไปว่ามีค่าสารโลหะหนักเกินค่าจะมีประเด็นตามมาอีกมาก แรกๆ ชุลมุนวุ่นวายมาก คำถามที่ย้อนมาคือผลตรวจถูกต้องหรือไม่ เราได้เพิ่มจุดตรวจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่วงแรกไม่มีงบประมาณ ต้องโยกงบบริหารภายใน ตอนนี้เก็บตัวอย่างมา 9 ครั้ง พบมีการปนเปื้อน บางครั้งเพิ่มขึ้น บางครั้งลดลง

“ข้อเท็จจริงคือมีการปนเปื้อนแน่นอน แต่ที่เรารู้สึกอึดอัด เมื่อเราไปคุยกับชาวบ้าน เช่น ปางช้างไม่มีนักท่องเที่ยวทำให้เหลือช้างเพียง 4 เชือก คนขายของก็ขายไม่ได้ คำถามคือเราไปเก็บข้อมูลแล้วเก็บอีก ก็พบอีก ประเด็นคือเราจะอยู่กันอย่างไร” นายอาวีระ กล่าว

ผศ.ดร.เสถียร ฉันทะ นักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย กล่าวว่า การตั้งศูนย์ตรวจเคยมีการเสนอแต่ถูกผลักตกจากราชการเพราะกลัวซ้ำซ้อน จริงๆเรื่องของการเก็บตัวอย่าง หากมีมาตรฐานสากลก็ไม่มีอะไรต้องถกเถียงเพราะเกินค่ามาตรฐานเหมือนกันอยู่แล้ว เพียงแต่ผลที่ออกมาแล้วจะนำไปขับเคลื่อนอย่างไร ถ้ามีศูนย์ตรวจสอบของมหาวิทยาลัย 3 แห่งของเชียงราย สามารถวางแผนจัดการร่วมกันได้

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า ตอนนี้ทุกหน่วยงานกำลังแบกรับปัญหาที่ใหญ่ แต่รัฐบาลนิ่งมากโดยเฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข ที่ควรทำงานใกลิชิดกัน เพราะกรณีนี้มีความเสี่ยงสูงร้ายแรงในวันข้างหน้า ควรมีการตั้งกลไกระดับประเทศของ 2 หน่วยงานนี้ร่วมกัน และให้ทุกหน่วยงานมาทำงาน ที่สำคัญคือประชาชนอยู่กันอย่างไรเมื่อตรวจพบแล้ว เพราะมันหมายถึงชีวิตของเขา

“ทั้ง 2 กระทรวงควรคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง เช่น การสำรวจความเสียงหายครอบคลุมพื้นที่เท่าไร ลักษณะความเสียหายเป็นอย่างไร ประสานความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ  2 กระทรวงนี้ต้องเป็นเจ้าภาพ ต้องมีมาตรการเป็นรูปธรรม เช่นผู้เสียหายทางเศรษฐกิจ จะมีมาตรการพิเศษช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร เช่น มาตรการลดภาษีให้ผู้ประสบภัยมลพิษข้ามพรมแดน เรื่องนี้เช่นนี้จะปล่อยให้ทำงานไปตามยถากรรมไม่ได้ และเรื่องนี้ควรขยับให้เป็นมลพิษข้ามแดนของอาเซียน” เพ็ญโฉม กล่าว

ขณะที่ผู้แทนของประมงจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการสร้างฝายดักตะกอน เพราะไม่มีงานวิจัยรองรับ และฝายจะทำลายบ้านของปลา จึงไม่เห็นด้วยที่เอาน้ำกกกลายเป็นส้วมสาธารณะแล้วต้องคอยดูดอุจาระออกไป

“เราเก็บตัวอย่างปลาแค้ที่เป็นตุ่มไม่ได้ ปลาตัวใดที่เป็นตุ่มชาวบ้านโยนทิ้งเลย เพราะชาวประมงเขากลัวขายปลาไม่ได้จึงไม่ยอมให้สำนักงานประมงเอาไปตรวจ อยากให้มีการเยียวยาชาวประมง เพราะเขาหาปลาแต่ขายไม่ได้ เห็นด้วยว่าควรตั้งศูนย์ตรวจไว้ที่เดียว มีงบกลาง” ผู้แทนประมงจังหวัด กล่าว

ทั้งนี้ ในที่ประชุมเห็นตรงกันว่าควรมีศูนย์ตรวจสอบและความร่วมมือของจังหวัดเชียงรายโดยใช้มหาวิทยาลัย 3 แห่งเป็นฐาน เนื่องจากในปัจจุบันมีหลายองค์กรที่เข้ามาตรวจคุณภาพน้ำ ดิน สัตว์ พืชและระบบนิเวศ แม้ผลออกมาจะตรงกันว่ามีสารโลหะหนักในแม่น้ำเกินมาตรฐาน แต่กำลังจะกลายเป็นความสับสนให้กับชาวบ้าน ดังนั้นจึงควรมีการจัดตั้งศูนย์ขึ้นมา

นอกจากนี้ ในที่ประชุม ภาคประชาชนได้ร่วมกันสะท้อนปัญหาหลากหลาย แต่สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือการยุติเหมืองแร่ต้นแม่น้ำซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสารพิษ โดยขณะนี้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำได้ส่งผลกระทบด้านสุขภาพจิต เพราะทุกคนต่างวิตกกังวลและเป็นความเครียดสะสม บางคนเป็นโรคซึมเศร้า เพราะหาทางออกไม่ได้ เนื่องจากแม่น้ำกลายเป็นแม่น้ำพิษ โดยมีข้อเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์การตรวจสอบ

ผู้แทนภาคประชาชนทั้งหมดยังไม่เห็นด้วยกับการสร้างฝายดักตะกอน โดย นส.จุฑามาศ ราชประสิทธิ์ มูลนิธิพชภ. กล่าวว่า โครงการฝายดักตะกอนแม่น้ำกก ทราบว่าขณะนี้ได้รับอนุมัติแล้ว งบประมาณไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการประชุมชาวบ้านแล้วเริ่มก่อสร้างทันทีซึ่งถือว่าเสี่ยงมากเนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยอ้างว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ไม่มีการพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ในการแก้ปัญหามลพิษครั้งนี้ และกรมป่าไม้เองก็ยอมทำข้อตกลงพิเศษให้ใช้พื้นที่

ทส.จังหวัดเชียงราย กล่าวว่ามีพืชบางชนิดกินสารหนูได้ เราควรใช้พืชเหล่านี้ได้หรือไม่ ควรเอาธรรมชาติมาแก้ไขธรรมชาติ ไม่ใช่เอาวิทยาศาสตร์มาแก้ไขธรรมชาติ

ทั้งนี้ ในช่วงท้าย กสม.ได้มีการนำข้อเสนอส่งให้รองผู้ว่าราชการเชียงรายเพื่อดำเนินการต่อไป

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ชาวแม่สายร่วมกันสะท้อนข้อเท็จจริง หวั่นหายนะแม่น้ำปนเปื้อนสารพิษ ชาวแม่สายร่วมกันสะท้อนข้อเท็จจริง หวั่นหายนะแม่น้ำปนเปื้อนสารพิษ
  • กมธ.กิจการเด็กฯลงพื้นที่เชียงราย หวั่นกลุ่มเปราะบางรับผลกระทบหนักสุดสายน้ำปนเปื้อน กมธ.กิจการเด็กฯลงพื้นที่เชียงราย หวั่นกลุ่มเปราะบางรับผลกระทบหนักสุดสายน้ำปนเปื้อน
  • เครือข่ายปชช.แนะ 5 ข้อก่อนรัฐบาลเจรจากับพม่าแก้ไขปัญหาแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย เครือข่ายปชช.แนะ 5 ข้อก่อนรัฐบาลเจรจากับพม่าแก้ไขปัญหาแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย
  • ชาวเชียงรายนัดรวมตัวอีกรอบ ซัดแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก-สายไม่คืบ ชาวเชียงรายนัดรวมตัวอีกรอบ ซัดแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก-สายไม่คืบ
  • \'วราวุธ\'กำชับ\'พม.เชียงราย\' ช่วยเหลือ\'กลุ่มเปราะบาง\'เหตุน้ำท่วมแม่สาย 'วราวุธ'กำชับ'พม.เชียงราย' ช่วยเหลือ'กลุ่มเปราะบาง'เหตุน้ำท่วมแม่สาย
  • ชาวลุ่มน้ำกกผวาหน้าฝน หวั่นซ้ำรอยโคลนถล่ม เผยรบ.ไม่เคยซ้อมรับมือ ชาวลุ่มน้ำกกผวาหน้าฝน หวั่นซ้ำรอยโคลนถล่ม เผยรบ.ไม่เคยซ้อมรับมือ
  •  

Breaking News

‘อนุทิน’ โพสต์ภาพ 'พริกขี้หนู' ชาวเน็ตแซวทั้งเผ็ดและร้อน

ชาวศรีสะเกษยังกังวล! ไม่มั่นใจสถานการณ์ชายแดน เสียงปืนใหญ่ยังหลอน ยังไม่กล้ากลับบ้าน

เกิดเหตุปะทะ‘ทหารเมียนมา-ทหารกะเหรี่ยง’ ให้ปชช.ในพื้นที่ท่าแซะเฝ้าระวัง

ชาวบ้านบุรีรัมย์กลับบ้านแล้ว! 'เนวิน'ขอบคุณทหารทุกท่าน อุทิศชีวิต เสียสละ ปกป้องแผ่นดินไทย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved