พิชิต โสภาลุน ปลัดหนุ่มไฟแรง ลูกชาวนา สายเลือดเกษตรกรแท้ๆ สัมผัสกลิ่นโคลนสาบควายท้องทุ่งนามาตั้งแต่เล็กจนโต แม้ทุกวันนี้ จะต้องติดตามผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญไปทุกที่ ในตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ก็หาเวลาว่าง ช่วยบิดา มารดา ทำนาปลูกข้าว เป็นประจำทุกปี
ทว่า มาระยะหลัง ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำนาปลูกข้าว ผลผลิตได้ไม่เต็มที่ จึงมองหา พืชไม้ผลตัวใหม่ ที่จะมาปลูกทดแทนการปลูกข้าว ประกอบกับ ได้ติดตาม ผวจ.อำนาจเจริญ ไปทุกท้องที่ สร้างองค์ความรู้ สะสมความรู้มากมายจึงมาลงเอยที่การปลูกมะนาว โดยใช้ที่นา จำนวน 3 ไร่เศษ รองรับการปลูกมะนาว ขายทั้งผลมะนาวและตอนกิ่ง ตลอดระยะเวลา 2 ปี กลายเป็นศูนย์เรียนรู้การปลูกมะนาว ถ่ายทอดวิชาความรู้แก่เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา ห้างร้าน บริษัท ประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง และนำไปปลูก นับว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
นายพิชิต โสภาลุน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203 หมู่ที่ 1 ต.คำพระ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ปลัดหนุ่มลูกชาวนา เล่าว่า ตั้งแต่เล็กจนโต สัมผัสกลิ่นโคลนสาบควาย ท้องทุ่งนาข้าว ตลอดเวลา จึงซึมซับด้านการเกษตรอยู่ในสายเลือด เมื่อถึงฤดูทำนาปลูกข้าว จะต้องหาเวลาว่างไปช่วยบิดา มารดา ทำนา เป็นประจำทุกปี แต่มาระยะหลัง ฝนตกไม่ดี ผลผลิตข้าวลดลง จึงมองหาพืชหรือไม้ผล ที่จะมาปลูกทดแทนข้าว ก็มาลงเอยที่ การปลูกมะนาว บนเนื้อที่ 3 ไร่เศษ ที่เหลือ 10 ไร่ ก็ยังคงทำนาปลูกข้าวเหมือนเดิม
นายพิชิต โสภาลุน สายเลือดเกษตรกรแท้ๆ กล่าวว่า จากที่อยู่ในตำแหน่ง เลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ก็ติดตามท่านผู้ว่าฯไปทุกท้องที่ สะสมประสบการณ์หลายหลาก ก็นำเอาประสบการณ์ความรู้ตรงนี้ มาปลูกมะนาว กลายเป็นศูนย์เรียนรู้การปลูกมะนาว ทั้งขายผลผลิตและตอนกิ่ง ให้แก่ผู้สนใจ รวมถึง สอนแนะนำ ผู้ที่เข้ามาศึกษาดูงานในการปลูกมะนาวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับขั้นการตอนและวิธีการปลูกมะนาว มีดังนี้ โดยเริ่มแรกจะต้องปรับพื้นที่ ที่จะปลูกให้เรียบเสียก่อน จากนั้น ให้วางฝาท่อซีเมนต์ลงพื้นดิน แล้วนำท่อซีเมนต์ขนาด 80X40 เซนติเมตร วางทับ ระยะห่างแต่ละท่ออยู่ที่ 3X3 เมตร ต่อมา นำดินที่ผ่านการผสม 3 ส่วน คือ หน้าดิน 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน,แกลบดำ 1 ส่วน คลุกให้เข้ากัน จากนั้น นำไปใส่ลงท่อ ต่อมา นำกล้ามะนาว ที่ได้จากการตอนลงปลูก จากนั้น ลดน้ำวันละ 1 ครั้ง เช้าหรือเย็นก็ได้ พอให้ดินชุ่ม ซึ่งมะนาวขาดน้ำไม่ได้ แต่ไม่ชอบน้ำขัง จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยใส่ปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยคอกเดือนละ 1 ครั้ง และฉีดพ่นทางใบ
โดยน้ำหมักชีวภาพทุกๆ วัน จนถึง 1 เดือน ก็จะให้ผลผลิตออกก่อนกำหนด จะต้องเด็ดทิ้ง เพื่อให้ต้นใหม่แข็งแรง และผลผลิตก็จะทยอยออกมาเรื่อยๆ สามารถเก็บจำหน่ายได้ ในราคา 3 – 5 บาท แล้วแต่ฤดูกาล หากมะนาวลูกใหญ่ ก็จะมีราคาขายเพิ่มขึ้น ซึ่งที่นี่ยังมีการตอนกิ่งขาย ในราคากิ่งละ 70 บาท ส่วนสายพันธุ์ที่ปลูกมี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ 1.สายพันธุ์พิจิตร 1และสายพันธุ์แป้นรำไพ 3.สายพันธุ์น้ำหอมทูลเกล้า รวมนะนาวที่ปลูก จำนวน 333 ต้น และอนาคต จะมีการขยายพื้นที่เพิ่มอีก 15 ไร่ เนื่องจากมะนาว เป็นพืชเศรษฐกิจ ที่กำลังมาแรงและสร้างมูลค่า ดีมาก
นอกจากนี้ ยังมีการปลูกยูคาลิปตัส รอบๆบริเวณศูนย์การปลูกมะนาว เพื่อต้านทานกระแสลมแรง และปลูกไม้พะยูงอีก จำนวน 20 ต้น เพื่ออนุรักษ์ ให้เด็กและเยาวชน ได้ศึกษาเรียนรู้ด้วย ส่วนน้ำที่ใช้ในพื้นที่โครงการ ก็ใช้น้ำจาก สระน้ำสาธารณประโยชน์ ที่ว่า หนองน้ำเขียน มีน้ำตลอดปี ด้วยการใช้เครื่องสูบน้ำ ต่อท่อ พีวีซี เข้าถังพัก ปล่อยไปตามท่อ ทั่วพื้นที่ จึงไม่มีปัญหาน้ำแล้ง
นายพิชิตกล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมา ได้น้อบนำพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ไปปรับใช้ในการทำงาน การดำเนินชีวิต ทำให้ครอบครัวมีแต่ความสุข
หากใครสนใจ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมและจะเดินทางไปศึกษาดูงาน ศูนย์เรียนรู้การปลูกมะนาว ก็สามารถติดต่อไปที่ 08-4920-3008 ได้ทุกวัน...
สนธยา ทิพย์อุตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี