ความสำเร็จในการจัดงาน“สานพลังประชารัฐเพื่อ เศรษฐกิจฐานราก” ของภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชารัฐสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นทางการที่เสร็จสิ้นไปเมื่อเร็วๆ นี้เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของประชาชนที่จะสร้างความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจชุมชนด้วยตัวเอง โดยหัวใจสำคัญคือรวมกลุ่มร่วมคิดร่วมสร้าง เมื่อติดขัดปัญหาทั้งความรู้และเงินทุน โดยภาครัฐจะมีหน้าที่ช่วยหนุนเสริม
ทำให้นึกถึง งานของ สสส. ในฐานะที่เป็นฟันเฟืองหนึ่งในกลไกการขับเคลื่อนการทำงานด้านการสร้างเสริมสุขภาวะของสังคม โดยยึดหลักการทำงานตาม “ยุทธศาสตร์ไตรพลัง” อันประกอบด้วย พลังปัญญา พลังนโยบาย และพลังสังคมที่มีทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ทำงานร่วมกันซึ่งสอดคล้องกับกลไกการทำงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่ใช้ “ยุทธศาสตร์สานพลังประชารัฐ”
เท่าที่มีผลงานปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง พบว่านอกจาก สสส.จะทำงานด้านการลดปัจจัยเสี่ยงอย่างการควบคุมแอลกอฮอล์ บุหรี่และอุบัติเหตุแล้ว สสส.ยังทำงานเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพโดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในชุมชนฐานราก สร้างชุมชนเข้มแข็งน่าอยู่ สร้างเสริมสมรรถภาพเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการขับเคลื่อนให้เกิดระบบการจัดการสุขภาวะชุมชนของพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการใช้ทุนทางสังคมวัฒนธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติ-สิ่งแวดล้อมและทุนทางปัญญา โดยใช้การสำรวจข้อมูลชุมชนในการกำหนดแนวทางการดำเนินงาน ที่ทำให้ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพของตนเอง คนรอบข้าง คนในชุมชนและสังคมได้
มีตัวอย่างเช่น การรวมกลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษของชาวบ้านชัยสถาน ในเทศบาลตำบลอุโมงค์ จ.ลำพูน โดยชาวบ้าน
ได้รับการอบรมการทำปุ๋ยหมัก การปลูกผัก ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณของเทศบาล จนก่อให้เกิดการรวมกลุ่มกัน 17 ครอบครัวแบ่งพื้นที่นา 1 ใน 4 มาปลูกผักและรวมตัวกันในพื้นที่ 96 ไร่ แบ่งสรรกันตามความต้องการ มีการระดมหุ้น หุ้นละ 50 บาท เลี้ยงปลาในร่องสวน เปิดขายบัตรให้คนมาจับปลา เงินที่ได้เก็บเข้ากองทุน จนปัจจุบันเงินกองทุนพอกพูน 100,000 บาทซึ่งเงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่งนำมาปล่อยกู้ระยะสั้นใหักับสมาชิกไม่เกิน 2 เดือน ดอกเบี้ยร้อยละ 50 สต.
ผลลัพธ์อันเป็นคำตอบสุดท้าย ออกมาว่า เครือข่าย จ.สุรินทร์เกิดการรวมตัวของชุมชน มุ่งสร้างสินค้าเกษตรที่ผลิตในระบบอินทรีย์ มีระบบวิธีรวบรวมผลผลิตมาจากชุมชนห่างไกลด้วยรถกระบะ ในทุกวันพฤหัสบดี นำสินค้ามาขายที่ปลายทางที่ร้านข้าวหอมภายในตัวจังหวัด ซึ่งเป็นจุดขายส่งและขายปลีกในพื้นที่เอง เป็นการบอกลาระบบพ่อค้าคนกลางที่เป็นผู้กำหนดราคาอีกทั้งยังนำสินค้าไปปะปนกันเกษตรเคมีทำให้สินค้าเกษตรอินทรีย์ขายไม่ได้ราคา
จากแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้การกำกับดูแล ของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจคนใหม่ ที่เน้นหนักในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างจริงจังด้วยการกระจายเงินสู่พื้นที่ชนบทผ่านกองทุนหมู่บ้าน ในรูปแบบสินเชื่อกองทุนหมู่บ้าน 60,000 ล้านบาท โดยมีหน่วยงานส่วนท้องถิ่น กว่า 7,000 คน ร่วมประกาศเจตนารมณ์ ว่าด้วยปฏิญญาเครือข่ายภาครัฐ 6 ข้อ คือ
1.เครือข่ายประชารัฐมุ่งกระตุ้นให้เกิดเศรษฐกิจฐานรากในทุกโอกาสและทุกช่องทาง 2.มุ่งให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่ส่งผลให้เกิดความมั่นคงของชีวิตเกษตรกรและผู้ใช้แรงงาน 3.มุ่งให้เกิดการฟื้นฟูฐานทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นทุนในการสร้างฐานราก 4.มุ่งให้เกิดการประสานเชื่อมโยงในเกิดการทำงานร่วมกันของภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ในระดับตำบล อำเภอและจังหวัด 5.มุ่งเพิ่มขีดความสามารถของพลังพลเมืองสร้างสรรค์ 6.มุ่งนำแนวคิดการพลังประชารัฐ
ทำให้นึกถึงคำพูดของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ที่มองว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤตการณ์หลุมดำมาช้านาน ประกอบด้วยวิกฤติเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ศีลธรรม และวิกฤติเรื่องการพัฒนาคุณภาพคน ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีองค์กรใดนำประเทศไทยออกจากวิกฤติเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของการกำหนดยุทธศาสตร์ประชารัฐ ภายใต้กระบวนทัศน์ใหม่ ที่เปรียบประเทศเหมือนกับการสร้างเจดีย์ ที่ต้องสร้างเจดีย์จากฐานราก อันหมายถึงชาวบ้าน ที่ต่างจากอดีตการสร้างเจดีย์มาจากส่วนยอดคือการกำหนดนโยบายต่างๆ มาจากส่วนกลางไม่ได้มาจากภาคประชาชนเมื่อฐานมีความแข็งแรงเจดีย์ประเทศจะมีความมั่นคง
“ที่ผ่านมามีกองทุนต่างๆ เกิดขึ้นนับ 1,000 แห่ง เกิดจากการริเริ่มของท้องถิ่น หลายร้อยตำบลเป็นตำบลสุขภาวะ ซึ่งหัวใจของเศรษฐกิจฐานรากคือการสร้างสัมมาชีพและวิสาหกิจให้เต็มพื้นที่ ตัวอย่างเช่น 1.การทำเกษตรยั่งยืน สร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ทั้งการแปรรูปและเพิ่มมูลค่า 2.การผลิตสินค้าที่จำเป็น เป็นธรรมสร้างตลาดชุมชน 3.ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชน 4.ชุมชนสร้างพลังงานใช้เองเพื่อประหยัดพลังงานกระแสหลัก 5.การสร้างธนาคารต้นไม้ 6.ส่งเสริมด้านการแพทย์แผนไทย” ศ.นพ.ประเวศ กล่าว
การประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน ในการสานพลังประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่เป็นผลงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ผ่านมาจึงแสดงให้เห็นการรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ที่ยั่งยืน อย่างเป็นรูปธรรมที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
ปานมณี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี