นาทีนี้ปฎิเสธไม่ได้ว่า 'ตุ๊กตาลูกเทพ' เป็นกระแสที่สังคมกำลังพูดถึงกันอย่างร้อนแรง

เพราะ'ลูกเทพ' ไม่ใช่ตุ๊กตาที่เป็นของเล่นทั่วไป แต่ถูกอ้างว่า เป็นตุ๊กตาที่ผ่านการทำพิธีขลัง อัญเชิญวิญญาณ 'บุตรของเทพ' ที่อยู่บนสรวงสวรรค์ ให้ลงมาสถิตย์ในร่างตุ๊กตาเด็กที่ทำด้วยวัสดุสังเคราะห์ ยาง ผ้า หรืออื่นๆ ราคาหลักพันยันหลักแสนบาท

ยกระดับให้เหนือตุ๊กตาของเล่นทั่วไป!!!

เสมือนเป็นเด็กมีลมหายใจ มีชีวิต มีรัก โลภ โกรธ หลง

ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นที่พึ่งทางจิตใจ และนำพาโชคลาภมาให้ผู้เลี้ยง???

แต่หากย้อนไปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน หลายคนคงเคยได้ยิน 'ทามาก็อต' สัตว์เลี้ยงอิเลคทรอนิกส์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก 

สัตว์เลี้ยงเสมือนจริงที่ผู้สร้างตั้งใจ มอบให้ผู้ที่ต้องการมีสัตว์เลี้ยงไว้คลายเหงา และเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย

'ทามาก็อต' ถือกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น โดย บริษัท บันได ผู้นำด้านธุรกิจของเล่นประเทศญี่ปุ่นได้เปิดตัว 'ทามาก็อต' ในปี ค.ศ.1996 สร้างกระแสแฟชั่นที่ฮอตฮิตที่สุดในช่วงนั้น

อากิ มาอิตะ ผู้พัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ของบันได ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความใฝ่ฝันที่อยากจะมีสัตว์เลี้ยง คลายความเหงา เนื่องจากสภาพที่แออัดของเมืองสังคมญี่ปุ่น ไม่เอื้ออำนวยในการเลี้ยงสัตว์ จึงเป็นจุดกำเนิดให้เธอคิดค้น 'ทามาก็อต' เวอร์ชั่นแรก

'ทามาก็อต' สามารถสร้างประวัติศาสตร์การจำหน่ายของเล่นให้ขายหมดได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน หลังจากสินค้าวางจำหน่ายทั้งจากประเทศญี่ปุ่น และแพร่ไปทั่วทุกมุมโลก จากการสำรวจยอดขาย พบว่า ในสหรัฐอเมริกา มียอดขายสูงสุดถึง 40 ล้านตัว และในแคนาดา อีก 12 ล้านตัว หรือสามารถขายได้สูงสุดเฉลี่ย 15 ตัวต่อนาที

ทามากอต หรือ ทามาก๊อตจิ (Tamagotchi) เป็นเกมเลี้ยงตัวประหลาด บนอุปกรณ์รูปไข่ แบบพกพา คอยป้อนอาหาร  เอาใจใส่ ประคบประหงมตั้งแต่ตอนมันตัวเล็กๆ กระทั่งตัวเต็มวัย หากเจ้าทามากอตไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ เจ้าสัตว์ประหลาดอัจริยะเหล่านี้ จะงอแงส่งเสียงร้อง เพื่อเรียกร้องความสนใจ

ทามาก็อตจิ มีการพัฒนาลูกเล่นเป็นระยะๆ โดยเวอร์ชั่นฉลองครบ 15 ปี  ในปี 2013 บริษัท ได้ออกแบบรุ่นชื่อ Tamagotchi iD L โดยเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ และมีตัวละคร หลายสิบตัว และมีชื่อทุกตัวอาทิ Yumemitchi,Kiraritchi, Furifuritchi,  Kiramotchi,  Patitchi พัฒนาโดยการเชื่อมต่อสูงสุดถึง 4 เครื่อง เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน อาทิ ทำอาหาร  เล่นเเกมด้วยกัน สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ เพื่อส่งต่อ ITEM ถึงกันได้ ตัวเครื่องมีสีสันสดใส อาทิ ม่วง เขียว ฟ้า เหลือง แต่ละชนิด มีบุคลิกภาพ ที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้เลี้ยง

ซึ่งหมายถึง บุคลิกภาพของผู้เลี้ยง จะส่งผลต่อการวิวัฒนาการ นั่นเอง

จากที่สามารถเล่นในเครื่องเล็กๆ ผู้พัฒนาระบบยังออกแบบ Tamagotchi L.i.f.e.เพื่อให้คนที่ชอบเล่นมือถือ สามารถร่วมสนุก โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องราคาหลักพันมาเล่น เพียงแค่โหลด Application ทั้งระบบปฎิบัติการiOS และ Android

แม้จะเป็นที่นิยมสำหรับชาวญี่ปุ่น แต่ทามากอตจิ ยังมีกระแสต่อต้านเล็กๆ ถึง 'ความไร้สาระ' ที่ผู้เลี้ยงมักก้มหน้าก้มตาดูแล 'สัตว์ประหลาด' ที่อ้างว่าเป็นสัตว์เลี้ยง ต้องคอยเอาสมาธิและเวลาส่วนใหญ่ มาดูแล ทำให้เสียการงาน เสียการเรียน

ในเวลานั้น จึงมีกฏเหล็กสำหรับพนักงานร้านอาหาร ห้ามเลี้ยงทามาก๊อตจิโดยเด็ดขาด โรงเรียนประกาศยึดทามากอตจิ หากพบเด็กนักเรียนพกมาโรงเรียน จนถึงขนาดเกิดอาชีพรับฝากเลี้ยงดูทามาก๊อตจิ ตามมา

เฟอร์บี้  (Furby)  ตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงพูดได้ ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2541 แต่เพิ่งมาได้รับความนิยมจากคนทั้งโลก รวมทั้งสังคมไทย เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี่เอง

สัตว์เลี้ยงหุ่นยนต์ชนิดนี้ หน้าตาเหมือนนกฮูก ผสมกับหนูแฮมสเตอร์ มีความสูงประมาณ 5 นิ้ว ลำตัวปกคลุมด้วยขนนุ่มๆ มีหลายสีให้เลือก ซึ่งบริษัท Hasbro ผู้บริษัทผลิตของเล่นรายใหญ่ส่งขายทั่วโลก พัฒนาจากรุ่นแรก ให้มีปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนสัตว์เลี้ยงจริงๆ อาทิ ขยับตา ขยับปาก และเต้นรำ ถูกใจคนที่พบเห็น ส่งผลให้มียอดขายทั่วโลก กว่า 40 ล้านตัว

ในยุคแรกๆ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ จะพูดคุยด้วยภาษาเฟอร์บิช (furbish) ซึ่งเป็นภาษาเฉพาะของเฟอร์บี้เท่านั้น ทำให้ความนิยมไม่แพร่หลายนัก ต่อมา Hasbro จึงสร้าง เฟอร์บี้เวอร์ชั่นใหม่ด้วย Application คำสั่งผ่าน iOS และ Android ทันสมัย และตอบสนองต่อผู้เล่นมากขึ้น สามารถรับรู้ และเคลื่อนไหวได้มากขึ้น มีจะงอยปากที่เปิดปิดได้พร้อมกับลิ้นไว้รับรู้การป้อนอาหาร

ในไทย เฟอร์บี้ เป็นที่นิยมในทุกเพศทุกวัย รวมถึง ศิลปิน ดารา ที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา

ราคาขายในไทย อยู่ที่ประมาณ 2,900 บาทไปจนถึง 4,000 บาท และเคยถูกปั่นกระแสถึงหลักหมื่น

ซึ่งปัจจุบัน มีผู้เลี้ยงเฟอร์บี้ อยู่ในวงจำกัด ขณะที่ราคาขายประกาศในเว็บไซต์ บางตัวอยู่ที่ราคาหลักร้อย

ความนิยมของ 'ทามาก็อต' และ 'เฟอร์บี้' มีอย่างต่อเนื่อง ได้รับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เพื่อตอบโจทย์กับผู้เลี้ยงอย่างชัดเจน

แต่สุดท้ายถึงจุดอิ่มตัว 

ส่วน 'ตุ๊กตาลูกเทพ' ที่กำลังถูกพูดถึง(เฉพาะแค่ในสังคมไทย) เวลานี้ ถือกำเนิดมาจากแรงศรัทธา โดยอ้างว่า ผู้ใดเลี้ยง ‘ลูกเทพ’ จะมีงาน มีเงิน ดั่งบันดาลมาให้ทันตาเห็น ชีวิตจะสุขสบาย และต่างๆ นานา สนนราคารวมค่าเป่าคาถา หลักพันยันหลักแสนบาท

มิหนำซ้ำ พ่อค้าหัวใส ผุดธุรกิจรองรับความต้องการของผู้เลี้ยงมากมาย อาทิ คอร์สฝากเลี้ยงดู สอนภาษา ทำการบ้าน เสริมหล่อเสริมสวย โปรโมชั่นอาหาร ตั๋วเครื่องบิน รถทัวร์ ฯลฯ

ทุกอย่าง มีค่าใช้จ่ายในราคาสูง!!!

'ทามาก็อต' และ  'เฟอร์บี้' แม้จะเป็นวัตถุ แต่ก็เข้ามาเติมเต็มสภาพจิตใจมนุษย์ ที่ขาดหาย โดยผู้ผลิตและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หวังผลกำไรอย่างชัดเจน

แต่ทั้งสอง เป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกไซเบอร์ หากไม่มีไฟฟ้าหล่อเลี้ยง ก็ไร้ตัวตน

ส่วน “ตุ๊กตาลูกเทพ' ถูกสร้างจาก 'มโน' ผ่านให้เป็นสิ่งของจับต้องได้ หลุดออกมาจากความเชื่อส่วนตัว ขยายสู่สังคมภายนอก

สุ่มและเสี่ยง ต่อการเสียทรัพย์ จากสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า เป็นไปดั่งคุณสมบัติตามที่โอ้อวดไว้หรือไม่

รู้เพียงแต่ว่า ทั้งคนขาย คนปลุกเสก รวยเอาๆ