คำฝอย (Safflower, Carthamus tinctorius L.) เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่พบปลูกกันมากในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน ที่สร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรได้อย่างน่าสนใจ
ข้อมูลของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 (สวพ.1) ระบุว่า ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนมีเกษตรกรผู้ปลูกคำฝอยเฉลี่ยต่อครอบครัว ครอบครัวละไม่เกิน 0.5 ไร่ส่วนใหญ่ปลูกคำฝอยเป็นรายได้เสริม ใช้แรงงานคนในครอบครัวเป็นหลัก โดยปลูกในช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนธันวาคม พันธุ์ที่นิยมปลูก ได้แก่ พันธุ์พื้นเมือง เป็นพันธุ์ที่มีหนาม ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิมที่ปลูกต่อๆ กันมาต้นทุนการผลิต 2,000-3,000 บาท สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตกลีบดอกแห้งได้ในเดือนมีนาคม-เมษายน ประมาณ 10-20 กิโลกรัม ราคาขายกลีบดอกแห้งกิโลกรัมละ 1,000-1,300 บาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ย 10,000-20,000 บาท
จากการสำรวจข้อมูลการผลิตคำฝอยในฤดูการผลิตที่ผ่านมา ของเกษตรกรรายหนึ่งในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า เกษตรกรมีพื้นที่ปลูกประมาณ 100-120 ตารางวา ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 10 ลิตร มีต้นทุนการผลิตซึ่งประกอบด้วย ค่าเตรียมแปลงปลูก ค่าเมล็ดพันธุ์ และค่าปุ๋ย ประมาณ 2,000-2,500 บาท สามารถเก็บผลผลิตกลีบดอกแห้งได้จำนวน 220 ลิตร (26 ลิตร/กิโลกรัม) และขายได้ลิตรละ 50 บาท ทำให้มีรายได้จากการขายกลีบดอกแห้ง 11,000 บาท รวมถึงเก็บผลผลิตเมล็ดคำฝอยไว้จำหน่ายเพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์ได้ จำนวน 22 ลิตร ราคาขายลิตรละ 60 บาท เช่นเดียวกับเกษตรกรอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน มีพื้นที่ปลูกคำฝอยในพื้นที่ประมาณ 150 ตารางวา มีต้นทุนการผลิตประมาณ 2,500-3,000 บาท สามารถเก็บผลผลิตกลีบดอกแห้งได้จำนวน 16-17 กิโลกรัม ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,200 บาท มีรายได้จากกลีบดอกแห้งประมาณ 20,000 บาท
จากตัวอย่างของเกษตรกรที่ปลูกคำฝอยทั้งสองรายจะเห็นได้ว่าคำฝอยสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรได้ดี โดยเฉพาะหากสามารถปลูกในช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนธันวาคมและเก็บกลีบดอกแห้งได้ในช่วงเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีความต้องการสูง ขายได้ราคาดี คุ้มค่ากับการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันเกษตรกรจึงเริ่มสนใจคำฝอยมากขึ้น รวมถึงมีพ่อค้าเข้าไปติดต่อรับซื้อคำฝอยของเกษตรกรถึงบ้าน เพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือใช้ในธุรกิจสปา และนำไปเข้าตำรับยาสมุนไพรต่างๆ เนื่องจากคำฝอยมีคุณสมบัติทางยา ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต ช่วยระบบการหมุนเวียนโลหิตและลดความดันโลหิต บำรุงประสาท
นอกจากนี้ ทางด้านโภชนาการคำฝอยยังมีน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวโอลิอิกและลิโนเลอิกในปริมาณค่อนข้างสูงถึง 75-85 เปอร์เซ็นต์ ที่สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น มาร์การีน น้ำมันสลัด สีและน้ำมันขัดเงาได้อีกด้วย กากเมล็ดที่เหลือจากการสกัดน้ำมัน ก็มีโปรตีนสูงใช้เป็นอาหารสัตว์ หรือทำปุ๋ยได้ รวมทั้งยังเป็นแหล่งของสีย้อมผ้า สีประกอบอาหารที่ปลอดภัย รวมไปถึงการใช้กลีบดอกคำฝอยเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ในประเพณีสงกรานต์ล้านนา อย่างไรก็ตาม จากการปลูกคำฝอยที่ไม่ยุ่งยาก และมีรายได้เป็นที่น่าพอใจ ประกอบกับการส่งเสริมจากภาครัฐ ที่ได้เข้าไปส่งเสริมองค์ความรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตคำฝอยที่ถูกต้อง จึงทำให้ในอนาคตคำฝอยอาจเป็นพืชทางเลือกสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในภาคเหนือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี