วันพฤหัสบดี ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
แจงสี่เบี้ย : เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แหล่งผลิต ‘คำฝอย’ คุณภาพ

แจงสี่เบี้ย : เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แหล่งผลิต ‘คำฝอย’ คุณภาพ

วันพุธ ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag :
  •  

คำฝอย (Safflower, Carthamus tinctorius L.) เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่พบปลูกกันมากในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน ที่สร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรได้อย่างน่าสนใจ

ข้อมูลของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 (สวพ.1) ระบุว่า ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนมีเกษตรกรผู้ปลูกคำฝอยเฉลี่ยต่อครอบครัว ครอบครัวละไม่เกิน 0.5 ไร่ส่วนใหญ่ปลูกคำฝอยเป็นรายได้เสริม ใช้แรงงานคนในครอบครัวเป็นหลัก โดยปลูกในช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนธันวาคม พันธุ์ที่นิยมปลูก ได้แก่ พันธุ์พื้นเมือง เป็นพันธุ์ที่มีหนาม ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิมที่ปลูกต่อๆ กันมาต้นทุนการผลิต 2,000-3,000 บาท สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตกลีบดอกแห้งได้ในเดือนมีนาคม-เมษายน ประมาณ 10-20 กิโลกรัม ราคาขายกลีบดอกแห้งกิโลกรัมละ 1,000-1,300 บาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ย 10,000-20,000 บาท


จากการสำรวจข้อมูลการผลิตคำฝอยในฤดูการผลิตที่ผ่านมา ของเกษตรกรรายหนึ่งในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า เกษตรกรมีพื้นที่ปลูกประมาณ 100-120 ตารางวา ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 10 ลิตร มีต้นทุนการผลิตซึ่งประกอบด้วย ค่าเตรียมแปลงปลูก ค่าเมล็ดพันธุ์ และค่าปุ๋ย ประมาณ 2,000-2,500 บาท สามารถเก็บผลผลิตกลีบดอกแห้งได้จำนวน 220 ลิตร (26 ลิตร/กิโลกรัม) และขายได้ลิตรละ 50 บาท ทำให้มีรายได้จากการขายกลีบดอกแห้ง 11,000 บาท รวมถึงเก็บผลผลิตเมล็ดคำฝอยไว้จำหน่ายเพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์ได้ จำนวน 22 ลิตร ราคาขายลิตรละ 60 บาท เช่นเดียวกับเกษตรกรอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน มีพื้นที่ปลูกคำฝอยในพื้นที่ประมาณ 150 ตารางวา มีต้นทุนการผลิตประมาณ 2,500-3,000 บาท สามารถเก็บผลผลิตกลีบดอกแห้งได้จำนวน 16-17 กิโลกรัม ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,200 บาท มีรายได้จากกลีบดอกแห้งประมาณ 20,000 บาท

จากตัวอย่างของเกษตรกรที่ปลูกคำฝอยทั้งสองรายจะเห็นได้ว่าคำฝอยสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรได้ดี โดยเฉพาะหากสามารถปลูกในช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนธันวาคมและเก็บกลีบดอกแห้งได้ในช่วงเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีความต้องการสูง ขายได้ราคาดี คุ้มค่ากับการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันเกษตรกรจึงเริ่มสนใจคำฝอยมากขึ้น รวมถึงมีพ่อค้าเข้าไปติดต่อรับซื้อคำฝอยของเกษตรกรถึงบ้าน เพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือใช้ในธุรกิจสปา และนำไปเข้าตำรับยาสมุนไพรต่างๆ เนื่องจากคำฝอยมีคุณสมบัติทางยา ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต ช่วยระบบการหมุนเวียนโลหิตและลดความดันโลหิต บำรุงประสาท

นอกจากนี้ ทางด้านโภชนาการคำฝอยยังมีน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวโอลิอิกและลิโนเลอิกในปริมาณค่อนข้างสูงถึง 75-85 เปอร์เซ็นต์ ที่สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น มาร์การีน น้ำมันสลัด สีและน้ำมันขัดเงาได้อีกด้วย กากเมล็ดที่เหลือจากการสกัดน้ำมัน ก็มีโปรตีนสูงใช้เป็นอาหารสัตว์ หรือทำปุ๋ยได้ รวมทั้งยังเป็นแหล่งของสีย้อมผ้า สีประกอบอาหารที่ปลอดภัย รวมไปถึงการใช้กลีบดอกคำฝอยเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ในประเพณีสงกรานต์ล้านนา อย่างไรก็ตาม จากการปลูกคำฝอยที่ไม่ยุ่งยาก และมีรายได้เป็นที่น่าพอใจ ประกอบกับการส่งเสริมจากภาครัฐ ที่ได้เข้าไปส่งเสริมองค์ความรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตคำฝอยที่ถูกต้อง จึงทำให้ในอนาคตคำฝอยอาจเป็นพืชทางเลือกสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในภาคเหนือ

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘อุตฯอาหารสัตว์-ภาคปศุสัตว์ไทย’ร่วมสร้าง‘อากาศสะอาด’ ไม่รับซื้อวัตถุดิบจากการเผา ‘อุตฯอาหารสัตว์-ภาคปศุสัตว์ไทย’ร่วมสร้าง‘อากาศสะอาด’ ไม่รับซื้อวัตถุดิบจากการเผา
  • ‘นบข.’เคาะจ่าย‘ไร่ละพัน’ทั้งข้าวนาปรัง-นาปี ช่วยชาวนาเหตุราคาตกต่ำ ‘นบข.’เคาะจ่าย‘ไร่ละพัน’ทั้งข้าวนาปรัง-นาปี ช่วยชาวนาเหตุราคาตกต่ำ
  • \'เลขาธิการ มกอช.\'ชื่นชม อย.ตรึงมาตรฐานห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงเข้มงวด 'เลขาธิการ มกอช.'ชื่นชม อย.ตรึงมาตรฐานห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงเข้มงวด
  • เกษตรกรภูเรือวิกฤต! ‘แก้วมังกรราคาดิ่ง’ ท้อแท้!นำไปทิ้ง-กลับไปปลูกยางพารา เกษตรกรภูเรือวิกฤต! ‘แก้วมังกรราคาดิ่ง’ ท้อแท้!นำไปทิ้ง-กลับไปปลูกยางพารา
  • เกษตรกรสทิงพระ-โชว์เคล็ดลับ ‘ปลูกแตงกวา’ ไร้สารเคมี-สร้างรายได้หลักหมื่น เกษตรกรสทิงพระ-โชว์เคล็ดลับ ‘ปลูกแตงกวา’ ไร้สารเคมี-สร้างรายได้หลักหมื่น
  • \'อธิบดีกรมปศุสัตว์\'เฝ้ารับเสด็จฯ 'อธิบดีกรมปศุสัตว์'เฝ้ารับเสด็จฯ
  •  

Breaking News

พูดไม่เข้าหู! 'ศรราม'จวกแรง! 'หจจ'บอกให้เดินระวังๆ ทหารเหยียบกับระเบิดที่ชายแดน

ทุบเปรี้ยง! เดือน พ.ย.‘อิ๊งค์’ลาออกนายกฯ ก่อน‘ยุบสภา’อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง

‘หญิงพิการขา’สุดท้อลำบากอยู่แล้ว สามียังมาตกต้นไม้พิการอีกคน

‘น่าน’เคาะงบกว่า 100 ล้าน ฟื้นฟู-เยียวยาผู้ประสบภัยพายุ‘วิภา’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved