จังหวัดตราด เป็นแหล่งปลูกสับปะรดที่สคัญของภาคตะวันออกโดยเฉพาะ “สับปะรดตราดสีทอง” เป็นสับปะรดบริโภคสดในกลุ่ม Queen เช่นเดียวกันกับ สับปะรดภูเก็ต ของภาคใต้ และสับปะรดภูแลของภาคเหนือ ซึ่งเกษตรกรจังหวัดตราดได้มีการปลูกสับปะรดสายพันธุ์นี้มาเป็นระยะเวลานาน ด้วยความเหมาะสมของสภาพพื้นที่และภูมิอากาศ ทำให้สับปะรดตราดสีทองมีคุณลักษณะที่โดดเด่น เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
ดร.เพ็ญจันทร์ วิจิตร นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า
สับปะรดตราดสีทอง เป็นพืชเศรษฐกิจและเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดตราด มีความเฉพาะเหมาะสมที่สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ในจังหวัดตราด เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ดอน ไม่ชอบที่ชื้นแฉะ สามารถปลูกเป็นพืชเดี่ยวหรือปลูกแซมในพืชยืนต้นอื่นในช่วงพืชหลักยังเล็ก เพราะสับปะรดต้องการแสงแดดในปริมาณที่เพียงพอจึงจะเจริญเติบโตได้ดี ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกรวม 10,532 ไร่ โดยมีการปลูกในเขตอำเภอเมือง จำนวน 6,099 ไร่ รองลงมาคือ อำเภอเขาสมิง 2,970 ไร่ อำเภอบ่อไร่ 752 ไร่ อำเภอแหลมงอบ 580 ไร่ และอำเภอคลองใหญ่ 131 ไร่
แม้ว่าสับปะรดตราดสีทองจะมีความเหมาะสมกับพื้นที่จังหวัดตราด แต่ก็มีปัญหาเรื่องวัชพืชระบาด หรือผลผลิตเสียหายจากสภาพอากาศแปรปรวน รวมถึงผลเล็กกว่าปกติ ฉะนั้น ทางสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) ได้ทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง เพื่อถ่ายทอดสู่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดตราด ให้สามารถพัฒนากระบวนการผลิตสับปะรดตราดสีทองให้มีคุณภาพ ลดความสูญเสียทั้งด้านผลผลิตและรายได้ของเกษตรกร
เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง ที่ สวพ.6 แนะนำเกษตรกรที่สำคัญ ประกอบด้วย การคัดเลือกหน่อพันธุ์สำหรับเป็นวัสดุปลูกต้องเป็นหน่อพันธุ์ที่สมบูรณ์ มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ว่าปราศจากปัญหาการระบาดของวัชพืช เพื่อป้องกันการแพร่กระจายและระบาดของวัชพืชจากแหล่งอื่นสู่พื้นที่ของเกษตรกร และต้องคัดหน่อพันธุ์ให้มีขนาดที่ใกล้เคียงกันสำหรับแต่ละแปลงปลูก เพื่อให้มีการเจริญเติบโตที่สม่ำเสมอในแปลงปลูกเดียวกัน การใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมตามคำแนะนำโดยพิจารณาถึงปริมาณธาตุอาหารในดินจากผลการวิเคราะห์ดินและลักษณะของเนื้อดิน
ซึ่งเกษตรกรบางรายจะใช้ปุ๋ยที่มีอยู่ เช่น ปลูกยางพาราก็จะนำปุ๋ยที่ใช้กับสวนยางพารามาใช้กับสับปะรด เพราะต้องการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งพืชแต่ละชนิดจะมีความต้องการธาตุอาหารต่างกัน ถ้าใส่ปุ๋ยต่ำกว่าที่พืชต้องการก็จะได้ผลผลิตที่ไม่มีคุณภาพ ที่สำคัญควรใส่ปุ๋ยบริเวณกาบใบล่าง เนื่องจากตรงโคนใบที่เจริญเต็มที่มีราก และมีเนื้อเยื่อเจริญที่ช่วยดูดน้ำและธาตุอาหารไปเลี้ยงต้นได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการหว่านปุ๋ยไปทั่วแปลงที่ไม่เพียงแต่พืชไม่สามารถนำปุ๋ยมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่แล้วยังเพิ่มต้นทุนการผลิตของเกษตรกรอีกด้วย
ส่วนการวางแผนการผลิต ควรคำนึงถึงลักษณะภูมิอากาศและการจัดการเรื่องการให้น้ำในช่วงแล้งให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากอาการผิดปกติของผลผลิต เช่น อาการไส้แตก หรือเรียกว่า ผลระเบิด ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงก่อนการเก็บเกี่ยวที่เป็นผลมากจากสภาพอากาศที่มีช่วงแล้งและเกิดมีฝนตกอย่างฉับพลัน
นอกจากนี้ การปลูกหากปลูกในสภาพปลูกแซมในไม้ยืนต้น เช่น สวนยางพารา หรือไม้ผล เหมาะเฉพาะพืชหลักที่ปลูกใหม่ที่ทรงพุ่มเล็กและยังไม่มีร่มเงากระทบต่อการเจริญเติบโตต่อสับปะรดตราดสีทอง เพราะหากสับปะรดได้รับแสงแดดไม่เพียงพอจะมีผลต่อขนาดของผลผลิต ด้านการเก็บเกี่ยวผลผลิต เกษตรกรควรคัดเกรดเพื่อจำหน่ายให้ได้ราคาที่ดีขึ้นตามคุณภาพ โดยหากจำหน่ายราคาเหมาทั้งแปลงจะได้ราคาเฉลี่ย 10-12 บาทต่อลูก แต่ถ้าเกษตรกรสามารถคัดเกรดแปลงที่ให้ผลผลิตขนาดใหญ่ประมาณลูกละ 2 กิโลกรัม จะขายได้ราคามากกว่า 18 บาท เป็นต้น
ดร.เพ็ญจันทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลจากการเข้าไปถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง พบว่าทำให้ผลผลิตมีน้ำหนักเฉลี่ยต่อผล เท่ากับ 1.64 กิโลกรัม ค่าความหวานมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 14.83 องศาบริกซ์ และค่าปริมาณกรดรวมมีค่าเท่ากับร้อยละ 0.73 ค่า BCR เท่ากับ 2.12 เปรียบเทียบผลตอบแทนในช่วงปีการผลิต 2554-2558 พบว่า วิธีการของเกษตรกรให้ผลตอบแทนกำไรสุทธิเฉลี่ย 9,458 บาทต่อไร่ ขณะที่การดำเนินตามเทคโนโลยีของ สวพ.6 จะทำให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 11,420 บาทต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 20.74 ขณะที่การจำหน่ายผลผลิตแบบคัดแยกเกรดจะทำให้ค่าเฉลี่ย
รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้นจากการขายแบบคละเกรด ร้อยละ 26.86
“ด้วยความเหมาะสมของสภาพทางกายภาพ และภูมิอากาศ ทำให้เกษตรกรมีความได้เปรียบในการปลูกสับปะรดตราดสีทองได้ดีกว่าแหล่งอื่นอยู่แล้ว เพียงแค่เกษตรกรใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตรผนวกเข้าไปในการผลิต จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ที่สำคัญคือคงลักษณะโดดเด่นของสับปะรดตราดสีทอง ที่มีผลขนาดใหญ่
เนื้อสีเหลืองทอง เนื้อและแกนกรอบ อร่อย และมีกลิ่นหอม ที่เป็นสัญลักษณ์พืชประจำถิ่นของจังหวัดตราด เป็นที่นิยมของ
ผู้บริโภค และเป็นพันธุ์สับปะรดรับประทานผลสดส่งออกที่สำคัญของไทยต่อไปอย่างยั่งยืน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี