4 ส.ค.59 ที่สำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารบี แจ้งวัฒนะ พระสุธรรมญาณวิเทศ หรือสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้รับมอบหมายจาก พระราชภาวนาจารย์ (เผด็จ ทตฺตชีโว) หรือพระทัตตชีโว ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวน ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายเอกชัย ฐปนานนนท์ เลขาส่วนตัว และทีมทนายความ เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวน
โดย พระสุธรรมญาณวิเทศ ได้แถลงข่าวก่อนเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่า ขอเจริญพรหมู่คณะพวกเราว่าบางครั้งได้ยินใครเรียกว่า 5 เสือ เป็นพระนะ ไม่ใช่เสือ เพราะฉะนั้น ก็จะฝากว่าการจะใช้คำต่างๆ บางสิ่ง บางอย่าง เราอาจจะมองดูว่ามันเหมาะสมแค่ไหน เรื่องสรรพนาม หรือสถานะภาพ
พระสุธรรมญาณวิเทศ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ชี้แจงในประเด็นได้รับมอบหมายมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารตั้งวัด ระเบียบการจ่ายเงิน ทั้งนี้ ทางวัดยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ แม้ที่จริงแล้วตามขั้นตอนจะต้องมีความชัดเจนและข้อมูลที่สมบรูณ์ก่อนจะตั้งข้อกล่าวหา หรือออกหมายเรียกก็ตาม โดยวัดพระธรรมกายขึ้นตรงต่อคณะกรรมการมหาเถรสมาคม และก่อกำเนิดตั้งวัดมา 45 ปี ซึ่งสร้างคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา แต่ว่าโลกกระทำนั้นมีอยู่เกิดความไม่เข้าใจที่สมบรูณ์ ดังนั้น ฝากสื่อมวลชนว่าขอความเป็นธรรมให้กับทางวัดด้วย ซึ่งทางวัดพร้อมจะมาให้ถ้อยคำต่างๆ อย่างไรก็ตาม หากคดีดังกล่าวมีความสมบรูณ์ทาง อัยการคงไม่ส่งสำนวนกลับมาให้ดีเอสไอสอบเพิ่มเติม
แต่เราก็ยินดีพร้อมจะเป็นตัวแทนที่จะให้ถ้อยคำต่างๆ ซึ่งขอฝากถึงพวกเราว่า น้ำหนักความน่าเชื่อถือของคนบางคนที่พูดไม่ตรงความจริง จึงอยากขอให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วย ส่วนเอกสารที่นำมาประกอบการชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนนั้น เนื่องจากเป็นนักวิชาการทางพุทธศาสนาและปฏิบัติศาสนกิจทำหน้าที่พระธรรมทูตในต่างระเทศเกือบ 20 ปี ขณะที่การทำหน้าที่บริหารวัดนั้นเป็นช่วงก่อนหน้านั้น
เมื่อถามว่า พระสุธรรมญาณวิเทศได้มีโอกาสพบ พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หรือไม่ พระสุธรรมญาณวิเทศ กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้ท่านมีปัญหาสุขภาพจึงไม่อยากให้พวกเราติดเชื้อ ติดโรคต่างๆ จึงยังไม่มีโอกาสได้เจอท่าน
ด้าน นายเอกชัย กล่าวว่า เนื่องจากพระทัตตชีโว ชราและสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดีนัก จึงมอบหมายให้พระสุธรรมญาณวิเทศ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าอาวาส มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งวันนี้อยากชี้แจงต่อสื่อมวลชนเพื่อขอความธรรมในประเด็น ผู้บริหารบ้านเมืองต้องใช้กฏหมายอย่างปราศจากอคติ ไม่เช่นนี้จะเกิดเรื่องไม่หยุดไม่หย่อน จะเห็นได้ว่ากระบวนการพิจารณาคดีไม่เป็นไปตามหลักสากล จากเหตุการณ์ที่พระของวัดพระธรรมกาย จำนวน 6 รูป รวมพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้ถูกออกหมายเรียกมาให้ปากคำในประเด็นต่างๆ ทั้งเกี่ยวกับการจัดตั้งวัดพระธรรมกาย การบริหารวัด และสิ่งสำคัญเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับในการจ่ายเงินของวัดพระธรรมกาย ที่จะเป็นปมชี้ถึงข้อหาฟอกเงิน สมคบฟอกเงินและรับของโจร ตามที่กล่าวหาพระธัมมชโย
ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจึงเรียกพระจำนวนถึง 5 รูป มาให้รายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งควรเป็นขั้นตอนก่อนจะ และหากพนักงานสอบสวนเรียกพระทั้ง 5 รูป มาให้ปากคำก่อนที่จะแจ้งข้อหากับพระธัมมชโย ดังนั้น ในที่สุดอัยการจึงสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากสำนวนไม่พอที่จะฟ้องพระธัมมชโย
จึงเป็นปัญหาที่ต้องมาเร่งรัดพระมาให้ปากคำ ทั้งที่มีเอกสารต้องรวบรวมมากมาย และเมื่อขอเลื่อนเวลามาดีเอสไอ และนำมาสู่การแจ้งจับพระมหาบุญชัย ที่ สภ.ทุ่งสองห้อง ข้อหาขัดหมายเรียก จนขณะนี้เกิดปัญหาข้อถกเถียงว่าขั้นตอนออกหมายเรียกของพนักงานสอบสวนถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ รวมทั้งหนังสือพนักงานสอบสวนแจ้งนั้น เนื้อหาไม่ครบถ้วนองค์ประกอบ ต้องมีสถานที่ วันและเวลาด้วย จะไม่มีผลสมบรูณ์ตามกฏหมาย
"วันนี้ขอชี้แจงว่า พระสุธรรมญาณวิเทศไม่ได้ถูกออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหาหรือพยาน ตามที่มีการเสนอข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวพระเพิ่มอีก 5 รูป เพราะพระสุธรรมญาณวิเทศมาเนื่องจากได้รับหนังสือเชิญ และหนังสือเชิญนี้ไม่ได้ระบุต้องมาให้ถ้อยคำหรือไม่ แต่มาโดยการถูกคำบอกกล่าวของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ" นายเอกชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี