นักโทษ‘ชั้นเลว’
เล็งลดเกรด‘ผู้พันตึ๋ง’
‘บิ๊กต๊อก’ชี้ให้โอกาสแล้ว
แต่ยังทำความผิดซ้ำซาก
ผบ.ตร.สั่งสอบพฤติกรรม
จากกรณีตำรวจกองบังคับการกองปราบปรามเข้าจับกุมนายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋งผู้ต้องหาเด็ดขาดคดีฆาตกรรมนายปรีณะลีพัฒนะพันธ์ ผู้ว่าฯยโสธร เมื่อปี 2544 เนื่องจากมีพฤติกรรมละเมิดเงื่อนไขกรมคุมประพฤติ ระหว่างได้รับการพักการลงโทษ โดยฝ่าฝืนเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุม อีกทั้ง กระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนว่านายเฉลิมชัยมีพฤติกรรมข่มขู่เรียกรับเงินจากผู้เสียหายในจ.จันทบุรี ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นมีมูลเหตุสามารถรับฟังได้ว่าทำผิดจริง จึงถูกควบคุมตัวส่งกลับเข้าเรือนจำไปรับโทษที่เหลืออีก 2 ปี 9 เดือน 15 วัน
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวในเรื่องนี้ว่า นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรมรายงานให้ทราบแล้วว่ามีคนมาร้องเรียน ตนจึงเสนอให้เรียกตัวนายเฉลิมชัยมาสอบสวน หากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่จริงก็ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะต้องเข้าคณะกรรมการกรมราชทัณฑ์ โดยนำรายละเอียดจากกรมคุมประพฤติมาประกอบ เนื่องจากเมื่อกรมราชทัณฑ์ปล่อยตัวผู้ต้องขัง กรมคุมประพฤติจะเป็นผู้ประเมินการคุมประพฤติตามกฎหมายและระเบียบต่างๆ
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องสั่งอย่างนี้ เพราะทุกครั้งที่มีการพักโทษสังคมจะคอยมองว่าคนที่เราให้โอกาสทางสังคมมีความเหมาะสมและจะทำผิดซ้ำหรือไม่ ตนเชื่อว่าสังคมให้โอกาสและเห็นด้วยกับวิธีการพักโทษ แต่สังคมก็ต้องมองว่าเรามีระบบควบคุมจัดการอย่างไรที่จะให้คนที่ได้รับการพักโทษไม่สร้างปัญหาให้สังคม เมื่อกฎระเบียบของกรมคุมประพฤติมีอยู่ก็ต้องใช้ นั่นคือหลักเกณฑ์ที่ตนได้ให้ไป ซึ่งกรณีของนายเฉลิมชัยทราบว่าคณะกรรมการกรมราชฑัณฑ์พิจารณาแล้วพบมีมูลจริง มีหลักฐานการร้องเรียน แต่ผู้ต้องขังสามารถเรียกร้องความเป็นธรรมได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของนายเฉลิมชัยต้องกลับไปรับโทษที่เหลืออยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ใช่ และถ้ามีพฤติกรรมจริงตามที่กรมคุมประพฤติตรวจสอบแล้ว คณะกรรมการจะพิจารณาให้เป็นนักโทษชั้นเลว เพราะเขาให้โอกาสคุณแล้ว แต่กลับไปสร้างบาดแผลให้สังคมอีก แล้วสิ่งที่เราให้ไปยังไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเขาได้ ก็ต้องกลับไปสู่การเริ่มต้นนับใหม่ ส่วนกรณีมีการเดินทางออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ตนได้รับรายงานจากรมคุมประพฤติเหมือนกัน ที่ผ่านมาก็มีผู้ถูกคุมประพฤติทำผิดเงื่อนไขหลายราย เราก็พยายามที่จะปรับปรับปรุงระบบพักโทษและการคุมประพฤติ ซึ่งพ.ร.บ.คุมประพฤติบางมาตรากำลังอยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีรายละเอียดลักษณะนี้อยู่
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเราเจอปัญหาไม่มารายงานตัวของผู้ถูกคุมประพฤติหลายหมื่นรายต่อปี จึงต้องปรับปรุงกฎหมายให้เจ้าหน้าที่คุมประพฤติมีอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้น แต่สังคมเป็นห่วงว่าเมื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่คุมประพฤติไปแล้วจะเกินเลยหรือไม่ จึงต้องทำให้สมดุลกัน ส่วนผู้ต้องขังเข้าข่ายพักโทษ แต่เคยมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลมาก่อน ก็ต้องพิจารณาเข้มงวดมากกว่าคนอื่น ส่วนการพระราชทานอภัยโทษก็ต้องฟังสังคม อย่างการพระราชทานอภัยโทษรอบนี้จะเห็นได้ชัดว่าเรากลั่นกรอง เพราะฟังเสียงสังคม ซึ่งต้องเข้าใจและตนพยายามปรับแก้อยู่
ส่วนที่มีการโต้แย้งเรื่องสิทธิที่ได้รับจากพระราชกำหนดพระราชทานอภัยโทษ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า โต้แย้งได้ แต่สิทธิอันนั้นจะปฏิบัติได้หรือไม่ตรงนี้ต่างหาก ตนก็บอกแล้วว่าให้ความเป็นธรรมทุกเรื่อง ก็ต้องดูหลายองค์ประกอบ
ด้านพล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า กรณีนายเฉลิมชัยนี้ต้องแยกเป็น 3 ส่วนคือ ผิดเงื่อนไขกรมควบคุมความประพฤติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีอาญา รวมทั้งพฤติกรรมของผู้พันตึ๋งนั้นเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ซึ่งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มอบหมายให้พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเข้าข่ายความผิดหรือพบว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยืนยันว่าผบ.ตร.ไม่ยอมให้ใครมามีอิทธิพล สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี