วันอาทิตย์ ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ลั่นกองทัพทำถูกแล้ว/ชี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม่ทัพ2ไม่ไว้ใจเขมร สั่งเตรียมพร้อมไม่ประมาท

ลั่นกองทัพทำถูกแล้ว/ชี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม่ทัพ2ไม่ไว้ใจเขมร สั่งเตรียมพร้อมไม่ประมาท

วันอาทิตย์ ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : ชื่นชมเข้มแข็ง เตรียมพร้อมไม่ประมาท แนวหน้าออนไลน์ ปกป้องอธิปไตย เยี่ยมให้กำลังใจทหาร ลงพื้นที่ชายแดน ลั่นเราทำถูกต้องแล้ว แม่ทัพภาคที่2
  •  

ลั่นกองทัพทำถูกแล้ว/ชี้อะไรก็เกิดขึ้นได้
แม่ทัพ2ไม่ไว้ใจเขมร
สั่งเตรียมพร้อมไม่ประมาท
รุดบำรุงขวัญทหารแนวหน้า
ลงตัวถกGBCที่มาเลเซีย4ส.ค.
เปิดทางUNHCRดูเชลยศึก

“แม่ทัพภาคที่ 2”ลงพื้นที่ชายแดนเยี่ยมให้กำลังใจทหารแนวหน้า ชื่นชมความเข้มแข็ง ปกป้องอธิปไตย ลั่นเราทำถูกต้องแล้ว ย้ำผู้บังคับบัญชายืนเคียงข้าง ขออย่าประมาท อะไรเกิดได้ตลอดเวลา ด้านทัพฟ้าเตรียมบรรจุ AT-6 จำนวน 8 เครื่อง ใช้ภารกิจการโจมตีทางอากาศ ลาดตระเวนตรวจการณ์ในพื้นที่ชายแดน ขณะที่การประชุม GBC 4 สิงหาคม ลงเอยที่มาเลเซีย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.68 ที่ผ่านมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ได้ลงพื้นที่หน้าแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเพื่อให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำฐานปฏิบัติการต่างๆพร้อมมอบสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้ง และให้โอวาทแก่กำลังพล โดยได้กล่าวขอบคุณ ในการปฏิบัติหน้าที่ ปกป้องอธิปไตย อย่างเข้มแข็งของทหารทุกนาย ยืนยันว่าพวกเราทำถูกต้องแล้ว พร้อมทั้งขอให้ทหารทุกนายตระหนักเสมอว่าระดับผู้บัญชาการทุกระดับ เคียงข้างอยู่เสมอ ขออย่าได้ประมาท พร้อมจะเกิดอะไรได้ทุกเวลา พร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงและขอให้ติดตามข่าวสารด้วย ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้พักค้างคืนอยู่กับทหารตามแนวชายแดน ตลอดทั้งคืน


ทบ.โต้ข้อกล่าวหาทำร้ายเชลยศึก

ขณะที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ทหารไทยจับกุมและควบคุมตัวทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรม ก่อนส่งกลับ ว่า เป็นเพียงคำกล่าวหาบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง ตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ ตามอนุสัญญาเจนีวา

พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่า ฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน ONHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ ตามช่องทางกระบวนการตามที่กฎหมายสากลระบุ ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันดำเนินการทุกอย่างภายใต้กติกาสากล

“ช่องอานม้า”ไทยเข้าได้แล้ว

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีพื้นที่ช่องอานม้าด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุการปะทะเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา กำลังทหารฝ่ายไทยไม่เคยสามารถเข้าไปในพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอม ได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้ฝ่ายเดียวมาตลอด ซึ่งผิดหลักธรรมชาติ แต่ปัจจุบันหลังปะทะและหยุดยิง ฝ่ายไทยสามารถเข้าพื้นที่ได้ ตามเงื่อนไขที่ทหารทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน โดยได้ตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันไว้ ดังนี้ 1.จัดกำลังฝ่ายละ 5 นาย โดยแต่ละฝ่ายส่งเจ้าหน้าที่ 5 นาย เข้าไปในพื้นที่ร่วมและพื้นที่ที่ต่างฝ่ายได้อ้างสิทธิ 2.ไม่มีการพกพาอาวุธ เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องงดเว้นการพกพาอาวุธในขณะปฏิบัติภารกิจ 3.มีการลาดตระเวนร่วมกันทั้งสองฝ่ายร่วมเดินลาดตระเวนบริเวณรอบ “ตาอม” (ฝั่งกัมพูชา) และพื้นที่ใกล้เคียง เป็นเวลา 15 นาทีต่อครั้ง และ 4.ไม่จำกัดช่วงเวลาในการเข้า-ออกพื้นที่ สามารถเข้าปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนได้ตลอดเวลา โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา

“ปัจจุบันกองทัพไทย สามารถควบคุมสถาปนาพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น หลายพื้นที่สามารถผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่รุกล้ำอธิปไตยไทยได้สมบูรณ์ รวมถึงเข้ายึดพื้นที่ในแนวจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญได้หลายจุด โดยเมื่อยึดพื้นที่ได้แล้ว ฝ่ายไทยได้จัดกำลังตรึงพื้นที่ เฉพาะในเขตที่มั่นใจว่าเป็นดินแดนของไทย และสามารถครอบครองได้โดยชอบธรรม เพื่อรักษาความได้เปรียบทางยุทธวิธี เพื่อได้เปรียบในการป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต”โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า

ไว้อาลัยเหยื่อจรวดเขมรถล่มปตท.

ส่วนบรรยากาศที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. นางสาวภคนันท์ ศิลาอาสน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ได้จัดกิจกรรมให้ร่วมวางดอกไม้แสดงความอาลัย และร่วมส่งดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต โดยมีประชาชนชาวอำเภอกันทรลักษ์ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ สื่อท้องถิ่น รวมทั้งประชาชนที่ทราบข่าว ได้เดินทางมาร่วมวางดอกไม้ แสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก และหลังจากที่มีการเผยแพร่ในโลกโซเชียล เรื่องวางดอกไม้ส่งดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ถูกกัมพูชาถล่มร้านสะดวกซื้อได้มีประชาชนจำนวนมากหลั่งไหลมาวางดอกไม้เพื่อร่วมส่งดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ทหารที่กัมพูชายิงจรวด BM-21 เข้าใส่ปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บ 15 ราย โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบรวมอยู่ด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ส.ค.68 ที่ผ่านมา รัฐบาลโดย ศบ.ทก. กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบกและกรมประชาสัมพันธ์ ได้นำคณเอกอัครราชทูต ทูตทหารจาก 23 ประเทศ พร้อมด้วยสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ 150 คน กว่า 40 สำนักข่าวทั่วโลก ลงพื้นที่เพื่อได้รับกระทบจากสถานการณ์ และได้พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ทำให้ผู้แทนประเทศรับทราบข้อเท็จจริงและเห็นภาพความเสียหายและผลกระทบด้วยตัวเอง โดยผู้แทนหลายประเทศแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น พร้อมสนับสนุนแนวทางของไทยในการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี

“ประเสริฐ”มอบเงินเยียวยา

วันเดียวกัน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน โดยได้มอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนสำนักนายกรัฐมนตรีให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะ 9 ราย นอกจากนี้ ยังได้เดินทางเยี่ยมและมอบสิ่งของบริจาคที่ศูนย์อพยพใน อ.กันทรลักษ์ พร้อมหารือแนวทางการดูแลเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบ รวมถึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลผู้ประสบภัยที่เหลืออยู่

จากนั้น นายประเสริฐได้เดินทางไปวางดอกไม้ไว้อาลัย ณ จุดเกิดเหตุความรุนแรงและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ในอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการสื่อสารและส่งมอบความช่วยเหลือในภาวะวิกฤต

“บิ๊กป้อม”เยี่ยมกำลังพลชายแดน

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางไปเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแนวชายแดน เพื่อให้กำลังใจและรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้มอบคำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ทหารรุ่นน้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการรับมือกับอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ที่ฝ่ายกัมพูชาอาจนำมาใช้ในการสอดแนมหรือโจมตี รวมถึงแนวทางการตอบโต้ด้วยระบบป้องกันโดรนที่มีประสิทธิภาพ โดยมอบหมายให้ พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ อดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารบก ร่วมเสนอแนวทางและประสานงานกับ กสทช. เพื่อขอใช้ย่านความถี่ที่จำเป็นอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร และคณะยังได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคแก่กองกำลังสุรนารี และเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในศูนย์อพยพ พร้อมกับกล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในอีกไม่กี่วัน และประชาชนจะได้กลับบ้านตามปกติ

เมื่อถูกถามถึงข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล พล.อ.ประวิตรตอบเพียงว่าในฐานะอดีตนายทหารคงไม่สามารถให้ความเห็นในเชิงนโยบายได้ เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่ของตน พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายว่า “หากรัฐบาลเข้มแข็ง เรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น”

“บิ๊กเล็ก”รับข้อเสนอกัมพูชา

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยอมรับข้อเสนอของกัมพูชาที่ขอให้มีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐอเมริกาและจีนเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 แม้ก่อนหน้านี้จะมีความเห็นว่าการเจรจาดังกล่าวเป็นเรื่องทวิภาคี แต่จากการหารือกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ข้อสรุปว่าหากประเทศไทยปฏิเสธข้อเสนอ อาจถูกมองว่ามีเจตนาแอบแฝง จึงตัดสินใจยอมรับเพื่อให้การเจรจาดำเนินไปอย่างโปร่งใส ทั้งนี้การประชุม GBC จะมีขึ้นช่วง 4-7 สิงหาคมนี้ โดยเขมรเป็นเจ้าภาพ

ฉะกัมพูชาไม่ใส่ใจศพทหาร

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชายังคงตึงเครียด ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของชาติ ซึ่งสะท้อนผ่านพลังของประชาชนที่พร้อมยืนหยัดร่วมกัน สนับสนุน รัฐบาลโดยกองทัพไทย บุคลากรทุกหน่วย และให้เกียรติแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องแผ่นดินอย่างสูงสุดสมเกียรติ

“สิ่งที่ประเทศไทยมี และเป็นจุดแข็งที่ไม่มีใครพรากไปได้ คือความรักชาติของคนไทย ความสามัคคีของคนในชาติที่ไม่สั่นคลอน และความศรัทธาอย่างลึกซึ้งต่อทหารผู้เสียสละในแนวหน้า ซึ่งเป็นเกราะปกป้องประเทศในยามวิกฤต” รองโฆษกรัฐบาล กล่าว

ทั้งนี้ การที่กัมพูชาปฏิเสธว่าร่างทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะตามแนวชายแดน “ไม่ใช่ทหารของตน” เป็นการลดทอนเกียรติภูมิของผู้เสียสละอย่างไร้ยางอาย ต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในคุณค่าของความเสียสละ และเชิดชูเกียรติทหารในฐานะผู้ปกป้องแผ่นดิน ผู้เป็นหลักชัยแห่งศักดิ์ศรีของชาติ

“รัฐบาลขอยืนยันว่า ทหารไทยทุกนาย และประชาชนผู้เสียสละ คือสัญลักษณ์ของเกียรติภูมิ ความมั่นคง และเอกราชของชาติ การยืนหยัดของพวกเขาคือพลังของประเทศ และจะได้รับการยกย่องด้วยเกียรติยศสูงสุดจากแผ่นดินไทยอย่างสมศักดิ์ศรี” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในทุกพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันเหตุอย่างต่อเนื่อง

EODพบระเบิดBM-21ไม่ทำงาน

วันเดียวกันที่ จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด (EOD) ตชด.21 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เข้าตรวจสอบพื้นที่อำเภอพนมดงรัก หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายลูกจรวดตกในพื้นที่

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบ จรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิดจำนวน 2 ลูก ปักอยู่กลางทุ่งนาของชาวบ้าน ซึ่งจรวดดังกล่าวปักลึกถึง 5-6 เมตรเกินขีดความสามารถของอุปกรณ์ที่มีอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้กันพื้นที่และเฝ้าระวังไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้เพื่อความปลอดภัย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสำรวจพื้นที่โดยรอบและพบจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิดอีกกว่า 15-20 ลูก กระจายอยู่ในพื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งประสานหน่วยทหารที่มีอุปกรณ์เฉพาะทางและประสิทธิภาพสูงกว่าเข้ามาดำเนินการเก็บกู้และทำลายต่อไป

เปิดทาง UNHCRดูเชลยศึก

พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ทหารไทยจับกุมและควบคุมตัวทหารกัมพูชาภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับว่า เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิง แบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้ง ที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง ตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ ตามอนุสัญญาเจนีวา

ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทัน ว่า ฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทาง ผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ ตามช่องทางกระบวนการตามที่กฎหมายสากลระบุ ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันดำเนินการทุกอย่างภายใต้กติกาสากล

ทอ.บรรจุAT-6เสริมเขี้ยวเล็บ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 7 ส.ค.68 กองทัพอากาศ ทำพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบา แบบ AT-6 เป็นเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 ของกองทัพอากาศ เข้าประจำการทั้งหมด 8 เครื่อง เพื่อใช้ในภารกิจการโจมตีทางอากาศ ตลอดจนการบินลาดตระเวนตรวจการในพื้นที่ชายแดน ปัจจุบันสนับสนุนภารกิจการบินลาดตระเวนสนับสนุนในพื้นที่ชายแดน ตามที่ได้รับการประสาน

กองทัพอากาศไทยได้รับมอบเครื่องบินสองเครื่องแรกเมื่อวันที่ 16 ก.ค.67 เข้าประจำการที่ฝูงบิน 411 กองบิน 41 (บน.41) จ.เชียงใหม่ โดยมีเครื่องบินหมายเลข “41101” และ “41102” จากนั้นก็ทยอยส่งมอบ จนครบทั้ง 8 ลำ โดยในวันที่ 7 ส.ค.68 ทางกองทัพอากาศ จะได้ทำพิธีบรรจุประจำการ เครื่องบิน บ.จ.8 (AT-6TH ) มี่กองบิน 41 จังหวีดเชียงใหม่

สำหรับเครื่องงบิน AT-6 TH จำนวน 8 ลำจากสหรัฐอเมริกา วงเงิน 4.6 พันล้านบาท จากบริษัท Textron Aviation Defense LLC สหรัฐอเมริกา เป็นโครงการผูกพันงบประมาณ 5 ปี ระหว่างปี 64-68 พร้อมอุปกรณ์อะไหล่ ระบบสนับสนุนการฝึกอบรม และอุปกรณ์อื่นๆ

AT-6 TH ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับภารกิจ ได้แก่ การบินสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด (Close Air Support) ,ผู้ควบคุมอากาศยานหน้า (Forward Air Control-Airborne) ,การลาดตระเวนรบติดอาวุธ (Armed Reconnaissance) , การโจมตีทางอากาศ (Air Strike) , การเฝ้าระวัง การข่าวกรองและการลาดตระเวน (Surveillance and Reconnaissance : ISR) ,การบินค้นหาช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ (Combat Search and Rescue) , การสนับสนุนการบรรเทาสาธารณภัย (Disaster Area Imagery) ,การถ่ายภาพภัยพิบัติ (Disaster Area Imagery) ,การสนับสนุนปฏิบัติการบินควบคุมไฟป่า และบูรณาการความร่วมมือในการสนับสนุนการป้องกันประเทศ และรักษาผลประโยชน์แห่งชาติกับหน่วยงานอื่นๆ

ยามมีภัยคนไทยไม่ทิ้งกัน

นายสุชัย พงษ์เพียรชอบ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตคลองเตย (สก.ต่าย) ได้มอบหมาย ให้ทีมงานจิตอาสากระต่ายคลองเตย ร่วมกับ อปพร.เขตคลองเตย เป็นตัวแทนนำสิ่งของจำเป็นพร้อมอาหารปรุงสุก ไปมอบให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ิตำบลไพล อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์

“ ทางทีมงานจิตอาสากระต่ายคลองเตย และ อปพร. ภายใต้การสนับสนุนของท่าน สก.ต่าย ได้ร่วมกันตั้งโรงครัวชั่วคราว เพื่อปรุงอาหารสุกใหม่ตั้งแต่เช้า โดยได้รับการประสานจากผู้นำท้องถิ่น ทั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และ ชรบ.ในพื้นที่ เพื่อนำเข้าพื้นที่ และส่งมอบอาหารปรุงสุกพร้อมสิ่งของจำเป็น จนถึงบ้านเรือนของประชาชนเพื่อความปลอดภัย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อประชาชน ยามมีภัย คนไทยไม่ทิ้งกัน ครับ “ ทีมงานจิตอาสากระต่ายคลองเตย กล่าว

ด้านตัวแทนประชาชน ในตำบลไพล กล่าวว่า ขอขอบคุณทาง สก.ต่าย และทีมอาสาฯ ทุกท่านที่นำอาหารและสิ่งของจำเป็นมามอบให้จนถึงบ้าน ซึ่งจากเดิมจะมีทางผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ.ไปรับอาหารจากศูนย์ช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งไม่เพียงพอ การที่ทางทีมงาน สก.ต่าย นำอาหารมามอบให้ครั้งนี้จึงช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านได้อย่างดียิ่งขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง นอกเหนือจากการไปอาหารทึ่ศูนย์ช่วยเหลือต่างๆ ที่ห่างไกลออกไป

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ข้องใจ!! เตือนห้ามบินโดรน มีแต่กองทัพพูด แต่รบ.เงียบกริบ เหมือนไม่ใช่เรื่องตัวเอง ข้องใจ!! เตือนห้ามบินโดรน มีแต่กองทัพพูด แต่รบ.เงียบกริบ เหมือนไม่ใช่เรื่องตัวเอง
  • \'ทอ.\'พบโดรนบินว่อนที่ตั้งทหาร-หน่วยงานราชการจำนวนมากในหลายพื้นที่ ชี้เป็นภัยร้ายแรง 'ทอ.'พบโดรนบินว่อนที่ตั้งทหาร-หน่วยงานราชการจำนวนมากในหลายพื้นที่ ชี้เป็นภัยร้ายแรง
  • รวมพลังแผ่นดินชุมนุมกระหึ่ม จี้‘อุ๊งอิ๊งค์’ลาออก ล้นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมพลังแผ่นดินชุมนุมกระหึ่ม จี้‘อุ๊งอิ๊งค์’ลาออก ล้นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • สส.อีกเพียบเสียววาบ โยกงบซ้ำรอย‘พิเชษฐ์’ สส.อีกเพียบเสียววาบ โยกงบซ้ำรอย‘พิเชษฐ์’
  • ‘หนู’ยันทำถูกก.ม.ที่ดินเขากระโดง ‘บิ๊กอ้วน’ยืนกราน ต้องเพิกถอนโฉนด ‘หนู’ยันทำถูกก.ม.ที่ดินเขากระโดง ‘บิ๊กอ้วน’ยืนกราน ต้องเพิกถอนโฉนด
  • เจอหลักฐานใหม่!! \'อ.ปริญญา\'ชี้\'ฮุนเซน-ฮุนมาเนต\'ละเมิดรัฐธรรมนูญตัวเอง เจอหลักฐานใหม่!! 'อ.ปริญญา'ชี้'ฮุนเซน-ฮุนมาเนต'ละเมิดรัฐธรรมนูญตัวเอง
  •  

Breaking News

ข้องใจ!! เตือนห้ามบินโดรน มีแต่กองทัพพูด แต่รบ.เงียบกริบ เหมือนไม่ใช่เรื่องตัวเอง

'ทอ.'พบโดรนบินว่อนที่ตั้งทหาร-หน่วยงานราชการจำนวนมากในหลายพื้นที่ ชี้เป็นภัยร้ายแรง

พยากรณ์อากาศ! ไทยตอนบนฝนน้อย คลื่นลมทะเลอันดามัน-อ่าวไทยมีกำลังอ่อน

สดุดีด้วยหัวใจ! หนุ่มสัก15รายชื่อวีรบุรุษทหารกล้า จารึกเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved