นิทานอีสป ในมหาวิทยาลัยไทย

นิทานอีสป ในมหาวิทยาลัยไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ผมเชื่อว่าคนบนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักนิทาน ไม่ว่าคนคนนั้นจะอ่านหนังสือออก หรืออ่านหนังสือไม่ออก เพราะ นิทานจะถูกเผยแพร่ทั้ง ด้วยตัวอักษร และ ด้วยปากเปล่า โดยที่นิทานจะมีเสน่ห์ทั้งผู้ฟังและผู้เผยแพร่ คือ ผู้ฟังจะสนุก ตื่นเต้น ส่วนผู้เผยแพร่จะต้องการให้คุณธรรม ที่สอดแทรกอยู่ในเนื้อหาของนิทาน เป็นเครื่องปลูกฝังให้คนเป็นคนดี มีคุณธรรม รู้จักคิด รู้จักยับยั้ง และรู้จักพิจารณา

นิทานอีสป เป็น หนังสือที่รวบรวม นิทานซึ่งมีคุณค่ามากมาย เป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก คนทุกส่วนบนโลกใบนี้ จึงล้วนแต่เคยได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ในนิทานอีสปมากันบ้างไม่มากก็น้อย


ประเทศไทย เคยใช้ นิทานอีสป เป็นแบบเรียนสอนเด็กในระดับชั้นประถม แต่ปัจจุบันนี้ดูเหมือนจะหายไปแล้ว จะมีอยู่บ้างก็เป็นการคัดบางเรื่องออกมาให้เรียนรู้กันเท่านั้น คนไทยในสมัยนี้ กับคนไทยในสมัยโบราณ จึงมีคุณธรรมแตกต่างกัน อาจจะด้วไม่ได้อ่านนิทานอีสปกันจนฝังเข้าไปถึงจิตสำนึกของคนแต่ละคนนั่นเอง

มีอยู่เรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า “กบเลือกนาย” เป็นเรื่องที่ทำให้ผม นึกมาถึง พฤติกรรมบางอย่างใน สังคมของการศึกษาระดับ “มหาวิทยาลัย”

เนื้อหาสาระของนิทานเรื่อง กบเลือกนาย เป็นเรื่องความไม่พอดีของคนที่ยังมีกิเลสตัณหา กล่าวคือ ในสังคม กบฝูงหนึ่งในบึง เมื่อขาดผู้นำ ก็อลเวงจึงไปขอเทวดาให้ส่งคนมาเป็นผู้นำ หรือเป็นนาย พอเทวดาส่งมาให้ ก็ไม่พอใจ เปลี่ยนอีกก็ไม่พอใจอีก ในที่สุด เทวดาเลยส่งนกกระสามาให้เป็นนาย สุดท้าย นกกระสา เลยกินกบซะเรียบบึง สูญพันธุ์ไปเลย ....สมน้ำหน้า

นิทานเรื่อง กบเลือกนาย ที่ทำให้ผมนึกไปถึงเหตุการณ์ในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย ที่ชื่อ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่มีเหตุการณ์พาดพิงให้นึกไปถึงนิทานเรื่องนี้เพราะเคยมีเหตุการณ์เกี่ยวกับการเลือกนาย(อธิการบดี) เกิดขึ้นมานานนับเป็นสิบปีแล้ว ที่แม้จะมีการปรับแปลี่ยนกันหลายครั้ง ก็ยังไม่จบสิ้น

ใครที่อ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 12 ธันวาคม ที่เพิ่งจะผ่านมา จะพบว่าเรื่องการแก้ปัญหาธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถึงยังไง ก็ยังไม่ลงตัว เนื่องจาก ในอดีต เมื่ออธิการบดีครบวาระในการดำรงตำแหน่ง ก็ได้มีการสรรหาอธิการบดีคนใหม่ ปรากฏพอได้อธิการบดีคนใหม่ จากการสรรหาแล้ว เกิดเป็นปัญหาที่กลุ่มคนเก่าไม่ยอมรับ หาว่าผิดระเบียบข้อบังคับ จึงทำให้ต้องมีการฟ้องร้องกัน จนคนใหม่ที่ได้รับการสรรหาไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ เป็นเรื่องเป็นราวกันมานับเป็นห้าปีสิบปี ฟ้องศาลก็แล้ว ฟ้องรัฐบาลก็แล้ว ไม่มีอะไรคืบหน้า สุดท้าย เมื่อมีคณะ คสช.เกิดขึ้น จึงใช้ ม.44 แต่งตั้งคนนอก (ที่ไม่ใช่กลุ่มพิพาท) มาปฏิบัติหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย เพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลุล่วง และเพื่อสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย

จากข่าวใน เดลินิวส์ ก็ปรากฏว่า คนที่มาปฏิบัติหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย และคณะ ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของประชากรในมหาวิทยาลัยอีก ด้วยเหตุผลหลายอย่าง อาทิ ผู้มาปฏิบัติหน้าที่แทน มายกเลิกกฎข้อบังคับในการสรรหาอธิการบดีที่เคยปฏิบัติกันมา และยังกำหนดคุณสมบัติของการสรรหาตัวอธิการบดีใหม่ ซึ่งผิดจากธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติมา สรุปว่า แม้ คสช. จะตั้งตัวแทนเพื่อมาแก้ข้อพิพาทที่เคยเป็นอยู่ให้หมด ก็ยังไม่เป็นที่ถูกใจอยู่ดี

โดยคนเก่าที่เกี่ยวข้องอยู่ก่อน บอกว่า ปัญหาที่เกิดในมหาวิทยาลัย ไมได้เกิดจากตัวบทกฎหมาย แต่เกิดจากตัวบุคคล ต้องแก้ที่ตัวบุคคล ทำไมจึงมาแก้ที่ตัวบทกฎหมายมันไปคนละเรื่องกันเลย แล้วอย่างนี้ธรรมาภิบาลจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

สรุปเอาว่า คนเก่า หาว่า คสช. ยัง “เกาไม่ถูกที่คัน” อาการคันที่เป็นมาหลายปีก็ยังคงคันคะเยออยู่ดี แถมที่หวังว่าจะสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้น มันก็ยังมีกลิ่นทะแม่งๆยังไงอยู่ดี ไม่ปลอดโปร่งเหมือนอากาศที่พัดมาจากทะเล ทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยนี้ตั้งอยู่ติดกับทะเลแค่เอื้อมเท่านั้น

นี่แหละหนาคนที่บอกว่า พระเจ้าสร้างขึ้นมา แม้จะไม่ใช่กบในสระจ้อย แต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก

ทำให้นึกไปถึงภาพรวมของ การศึกษาไทย ที่แม้จะมีการ “ปติลูบ ปติคลำ” (ไม่ใช่ปฏิรูป) กันมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ก็ไม่เคยหมดปัญหา หรือสร้างของใหม่ที่ดีขึ้นมาได้เลยสักครั้ง

หากจะสร้างให้เป็น “กุญแจคำ” หรือ KEY WORD คงจะได้ออกมาว่า “ไม่ออก” ซึ่งหากไขกุญแจคำนี้ออกมา จะพบความจริงดังนี้

ปัญหาการศึกษา ระดับพื้นฐาน ที่เกิดขึ้นคือ นักเรียนที่เรียนจบแล้ว อ่านหนังสือ “ไม่ออก”

ปัญหาการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยคือ ผู้บริหารในระดับสูง เมื่อหมดวาระในการครอบครองตำแหน่งแล้วจะ “ไม่ออก” จากตำแหน่ง แม้ตัวเองเป็นไม่ได้ ก็จะขอให้ทายาทรับหน้าที่แทน (ไปก่อน) เผื่อว่า วันหลังจะได้กลับเข้ามาใหม่

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แหละครับท่านนายกฯ แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ?????!!!!

โดย ชนิตร ภู่กาญจน์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top