3 เม.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ร้าน “นางฟ้ากุ้งกะทะ” ริมถนนกะโรม ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีเด็กชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 8 - 9 ขวบนุ่งกางเกงกีฬาสีดำ สวมเสื้อยืดคอกลมสีแดงเลือดนก เดินจูงชายวัยกลางคนตาบอดเข้ามาในร้าน โดยมีลำโพงสำเร็จรูปและกล่องเหล็กขอรับบริจาคเงินแขวนคอชายตาบอดอยู่ด้วย จากนั้นชายตาบอดได้เปิดดนตรีเพลงลูกทุ่ง ก่อนจะร้องเพลงผ่านไมโครโฟนด้วยน้ำเสียงไพเราะ ท่ามกลางความสนใจของแขกจำนวนมากที่นั่งรับประทานหมูกระทะ จากนั้นเด็กน้อยได้จูงมือชายตาบอดเดินไปตามโต๊ะต่างๆ เกือบทั่วร้านเพื่อขอรับบริจาคเงิน โดยแขกที่นั่งรับประทานอาหารจำนวนมากพากันควักเงินบริจาคใส่กล่องที่แขวนคอชายตาบอด รวมทั้งส่งเงินให้เด็กน้อยรับไปใส่กล่องพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใจบุญที่บริจาคเงินช่วยเหลืออย่างน่าเอ็นดูสงสาร
ผู้สื่อข่าวจึงเจ้าไปสอบถามทราบชื่อชายตาบอดคอนายอาแว สาแม หรือ “ บังแว” อายุ 41 ปี จ.ปัตตานี ส่วนเด็กน้อยชื่อ ด.ช.จักรกฤษณ์ ดาราโชติ หรือ “น้องอ้วน” อายุ 9 ขวบ ลูกชายของนายอาแว ปัจจุบันเรียนหนังสือชั้น ป. 2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งสองพ่อลูกจะเดินทางจาก จ.ปัตตานี มายัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อร้องเพลงขอรับบริจาคเงินจากผู้ใจบุญตามร้านอาหารในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีรายได้คืนละประมาณ 300 - 500 บาท
นายอาแว กล่าวว่า ตนมีลูกรวม 8 คน น้องอ้วนเป็นลูกคนที่ 5 ครอบครัวของตนมีฐานะยากจน เดิมอยู่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ตนมีอาชีพขับรถกระบะบรรทุกไก่ กระทั้งปี 2539 หรือกว่า 20 ปี ตนขับรถประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส ประสาทตาขาดเป็นผู้พิการตาบอดสองข้าง หลังจากออกจากโรงพยาบาลตนไปฝึกอาชีพนวดแผนแผนไทย เพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัว แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย จึงย้ายครอบครัว มาอยู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ขออาศัยอยู่บ้านพี่ชายและตนประกอบอาชีพนวดแผนโบราณ แต่ปัจจุบันลูกค้าน้อย ตนพอจะมีความสามารถร้องเพลงลูกทุ่ง จึงซื้อลำโพงเครื่องเสียงครบวงจรขนาดเล็กหัดร้องเพลง ก่อนจะไปขึ้นทะเบียนโครงการพัฒนาศักยภาพนักร้องและนักดนตรีตาบอดออกเร่ร้องเพลงเพื่อขอรับบริจาคเงินจากผู้ใจบุญอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แทนการประกอบอาชีพนวดแผนไทย โดยมีน้องอ้วน บุตรชายวัย 9 ขวบเป็นผู้เดินจูงนำทางตนไปตามเร่ร้องเพลงตามร้านอาหารต่าง ๆ
“อย่างไรก็ตามการร้องเพลงขอรับบริจาคเงินจากผู้ใจบุญตามแหล่งชุมชน ร้านอาหารในตอนกลางคืนในจังหวัดปัตตานี มีความเสี่ยงกับอันตราย จากการก่อเหตุความไม่สงบเรียบร้อน ตนและน้องอ้วนจึงไม่กล้าออกเร่ร้องเพลงตามร้านอาหารหรือแหล่งชุมชน จึงเดินทางมาเร่ร้องเพลงขอรับบริจาคเงินจากผู้ใจบุญตามแหล่งชุมชนและร้านอาหารในตัวเมืองนครศรีธรรมราช โดยพักกับเพื่อนเก่าที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ถึงช่วงหัวค่ำก็ให้เพื่อนขับรถจักรยานยนต์มาส่งในตัวเมือง และมารับกลับช่วงกลางดึกของทุกวัน ตนจะเดินทางมาเดือนละ 2 -3 ครั้ง ๆ ละ 2 - 3 วัน แต่ช่วงนี้น้องอ้วน บุตรชาย ปิดเทอม จึงเดินจูงนำทางตนเร่ร้องเพลงในตัวเมืองนครศรีธรรมราช ครั้งละ 7 วัน ก่อนจะนำเงินกลับไปเลี้ยงครอบครัวใน จ.ปัตตานี
นายอาแว กล่าวอีกว่า แม้ชีวิตจะลำบากยากเข็ญสักเพียงใด ตนก็ต้องสู้ชีวิตเพราะครอบครัวตน 10 ชีวิต ตนจะต้องเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว ส่วนภรรยาก็ต้องคอยดูแลลูก ๆ ที่ยังเล็กอีก 2 - 3 คน ตนเข้าใจดีว่าบางครั้งในการเดินเร่เข้าไปร้องเพลงในร้านอาหาร เพื่อขอรับความเมตตาผู้ใจบุญ ซึ่งอาจจะสร้างความรำคาญให้กับเจ้าของร้านหรือแขกบางคน ตนและน้องอ้วนต้องกราบขอโทษนะครับ และตนจะพยายามรบกวนเวลาทางร้านและแขกให้น้อยที่สุด โปรดเห็นใจและเมตตาสงสารให้ตนและน้องอ้วนใช้พื้นที่หากินด้วยเถิดครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี