6 เม.ย.61 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก ว่าได้รับความเดือนร้อนจากการตั้งด่านตำรวจ ตรวจจับความเร็ว ของชุดตรวจจับความเร็ว ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ที่ออกตั้งด่านไปทั่วทุกอำเภอทั้ง 17 แห่งในพื้นที่ จ.สุรินทร์ และยังมีประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา ร้องเรียนการตั้งด่านบนทางหลวงแผ่นดิน เส้น24 ถนนโชคชัย-เดชอุดม จุดเทศบาลนิคม ,จุด สภ.ทุ่งมน (ละลมระไซร์) และจุดแยก สภ.โชคนาสาม จับทุกวัน และในเวลากลางคืนตั้งด่านพร้อมกันก็มี อยากให้ตรวจสอบด้วย ตำรวจริดรอนสิทธิและเสรีภาพประชาชนขั้นพื้นฐานมากเกินไป
โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนและช่วงเทศกาลต่างๆ สร้างความเดือนร้อนรำคาญให้กับผู้ที่จะไปทำงานและเด็กที่จะไปเรียนหนังสือในตอนเช้า แต่กลับไม่ตรวจจับแก๊งวัยรุ่นกวนเมืองที่สร้างเดือดร้อนให้ประชาชน ต้องการให้หน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบว่า การตั้งด่าน ในลักษณะเช่นนี้มีเจตนาอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรุดลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบ ที่บริเวณป้อมยามบ้านน้อย ต.เมือง ที. อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นป้อมตำรวจ สังกัด สภ.เมืองที พบเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย เป็นชุดตรวจจับความเร็ว ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ มี พ.ต.ท.วัลลภ ปะโสทะกัง สวป.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ช่วยราชการศูนย์จราจรตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เป็นหัวหน้าชุดดังกล่าว
จากการตรวจสอบ ป้ายจุดตรวจ มีข้อความระบุ สังกัด ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ แต่ไม่มีชื่อผู้ควบคุมการตั้งด่านในป้ายแต่อย่างใด มีแต่ข้อความว่า “หยุดตรวจ” จุดตรวจจับความเร็ว และกวดขันวินัยจราจร พบเห็นเจ้าหน้าที่ทุจริตหรือประพฤติมิชอบ โปรดแจ้ง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ โทร.044-511486 พบมีการตั้งโต๊ะเปรียบเทียบปรับ มีประชาชนจำนวนมากเข้าแถว รอคิวเสียค่าปรับในข้อหาต่างๆ โดยเฉพาะขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด จากการส่องกล้องตรวจจับความเร็ว แล้ววิทยุแจ้งที่ด่านแห่งนี้ โบกจับและเขียนใบสั่ง โดยไม่มีสลิปบอกค่าความเร็วให้ประชาชนทราบ
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เลยข้ามเลยไปในเขตพื้นที่ สภ.ศีขรภูมิ ซึ่งมีพื้นที่ต่อเขตกันก็พบการตั้งด่านกลางถนน มีสภาพการจราจรที่ติดขัดยาวเหยียด และมีการตั้งโต๊ะเปรียบเทียบปรับเช่นกัน แต่ที่ป้ายหยุดตรวจ ของ สภ.ศีขรภูมิ ระบุชื่อ ผู้ควบคุมการตั้งด่าน ชื่อ ยศ ตำแหน่ง และมีเบอร์โทรศัพท์ อย่างชัดเจน
ซึ่งกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยเรื่อง มาตรการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด ที่มีคำนิยามแตกต่างกันไป โดยแบ่งความหมายของด่าน
1.ด่านตรวจ หมายถึง สถานที่ทำการที่เจ้าพนักงานตำรวจออกปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจค้น เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดในเขตทางเดินรถ และการตั้งด่านตรวจจะต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงหรือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. (ต้องได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา)
2. จุดตรวจ หมายถึง สถานที่ที่เจ้าพนักงานตำรวจออกมาปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้น เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดในเขตทางเดินรถ หรือทางหลวง โดยมีกำหนดระยะเวลาเท่าที่มีความจำเป็น แต่ต้องไม่เกิน 24 ชั่วโมง และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว จะต้องยุบเลิกจุดตรวจดังกล่าวทันที
3. จุดสกัด หมายถึง สถานที่ที่เจ้าพนักงานตำรวจออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้น เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดในเขตทางเดินรถหรือทางหลวง ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนเกิดขึ้นและจะต้องยุบเลิกเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจดังกล่าว
4. การจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด คือห้ามมิให้ตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ หรือจุดสกัด ในเขตทางเดินรถหรือทางหลวง
5. ด่านตรวจ การจัดตั้งด่านตรวจจะกระทำได้ ต้องได้รับอนุมัติจาก ครม.หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง หรือ กอ.รมน.
6. จุดตรวจ การตั้งจุดตรวจจะต้องได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นผู้บังคับการตำรวจภูธร(ผบก.) ขึ้นไป โดยพิจารณาว่าเป็นกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นอย่างยิ่ง และต้องมีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง
7. จุดสกัด จะตั้งได้เฉพาะกรณีที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือจำเป็นเร่งด่วนเกิดขึ้น และจะต้องได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ หรือผู้รักษาการแทนขึ้นไป โดยมีกำหนดระยะเวลาเวลาเท่าที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือจำเป็นเร่งด่วนดังกล่าวยังคงมีอยู่เท่านั้น
8. การปฏิบัติหน้าที่ ณ ด่านตรวจ จุดตรวจ หรือจุดสกัด จะต้องมีนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรระดับตั้งแต่รองสารวัตรขึ้นไปเป็นหัวหน้า และจะต้องแต่งเครื่องแบบในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว
9. การปฏิบัติในการตรวจค้น จับกุม ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและประมวลระเบียบการตำรวจโดยเคร่งครัด
10. ที่ด่านหรือจุดตรวจ ต้องมีแผงกั้นที่มีเครื่องหมายการจราจรว่า ‘หยุด’ โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ด่านตรวจหรือจุดตรวจ จะต้องมีในการติดตั้งป้ายและเครื่องหมายจราจร
11. ในเวลากลางคืน จะต้องมีแสงไปส่องสว่างให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร ก่อนถึงจุดตรวจ และให้มีแผ่นป้ายแสดงยศ ชื่อ นามสกุล และตำแหน่งของหัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำด่านตรวจและจุดตรวจดังกล่าว นอกจากนั้นให้มีแผ่นป้ายแสดงข้อความว่า หากพบเจ้าหน้าที่ทุจริต หรือประพฤติมิชอบให้แจ้งผู้บังคับการ พร้อมมีการระบุหมายเลขโทรศัพท์ของผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.) ไว้ ข้อความดังกล่าวข้างต้นให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 15 เมตร
12. ให้หัวหน้าสถานีตำรวจ เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ทุกชนิด ที่ใช้สำหรับการตั้งจุดตรวจไว้อย่างครบถ้วน และพร้อมใช้การได้ตลอดเวลา
13. การตั้งจุดตรวจ หรือจุดสกัด ให้ทุกหน่วยประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยใกล้เคียงชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบติดต่อกัน ในการกำหนดแผนการตั้งจุดตรวจในภาพรวมของหน่วย เพื่อมิให้เกิดการซ้ำซ้อน ทำให้เกิดปัญหาการจราจรและเกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน และเงินค่าปรับ ตำรวจได้แล้วเอาไปไหน ประชาชนหลายๆคนอาจสงสัยว่า เงินค่าปรับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกปรับจากผู้ทำผิดกฎหมายจราจรนั้น ปลายทางของเงินอยู่ที่ไหนกันแน่
จากการใช้พรบ.ข้อมูลข่าวสารของสื่อหลายสำนัก เพื่อขอข้อมูลจากกองบังคับการจราจร ในการขอเปิดเผยจำนวนเงินค่าปรับสรุปรวมในแต่ละปีว่ามีจำนวนเท่าไหร่นั้น จากข้อมูลของปี พ.ศ. 2555-2557 พบว่ามีมูลค่ากว่าร้อยล้านบาท ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นจำนวนเงินค่าปรับจากการตั้งด่านที่ถูกต้องตามมาตรการ แต่ทั้งนี้ในอีกแง่หนึ่งก็นับว่าเป็นการสะท้อนถึงการไม่เคารพกฎหมายและวินัยจราจรของผู้ใช้รถใช้ถนนในประเทศไทย
นายคูณนะชัด ตระการไทย อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 373/99 ม.2 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ตนขับรถยนต์มาจากกรุงเทพฯ ผ่านมาทุกครั้งก็เจอทุกครั้ง ถูกตรวจจับความเร็วแต่ไม่เคยเห็นสลิปความเร็วที่เป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรแม้แต่ครั้งเดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งความเร็ว 110 ไม่มีอะไรมายืนยันว่าตนขับเร็ว 110
ตนไม่อยากฝากอะไรถึง ผบ.ตร.หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ยากจะบอกผ่านสื่อว่า อยากให้ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลประชาชน ถ้าเป็นหน้าเทศกาล ไม่มีการลงบันทึกว่ากล่าวตักเตือน ตามนโยบาย ผบ.ตร โครงการสุภาพบุรุษจราจร มีแต่เขียนใบสั่งและต้องจ่ายค่าปรับเพียงอย่างเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี